ปรมาจารย์ Jeff Cooper เคยกล่าวไว้ว่าปืนสั้นเป็นอาวุธป้องกันตัวที่มีไว้เพื่อยุติเหตุที่คนอื่นมากระทำกับเรา เพราะถ้ารู้ว่าจะต้องไปต่อสู้กับใคร ควรจะเอาปืนลูกซองไป
ลักษณะทั่วไปของปืนลูกซองก็คือปืนที่ไม่มีเกลียวในลำกล้อง ใช้ยิงกระสุนที่บรรจุลูกปรายเม็ดกลมๆไว้ข้างในหลายๆเม็ด เมื่อยิงหนึ่งนัดลูกปรายเหล่านี้ก็จะกระจายเข้าสู่เป้าทำให้มันมีอำนาจหยุดยั้งสูงมากในระยะประชิดไปจนถึง 30-35 เมตร

ปัจจุบันเนื่องจากกลไกตลาดปืนของเมืองไทย ปืนลูกซองยาวจัดได้ว่าเป็นปืนที่มีราคาต่ำที่สุดในบรรดาปืนประเภทต่างๆ
ถ้าคุณอยู่ในที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่กว้าง เช่นฟาร์ม หรือเป็นสวน, ไร่นา ปืนลูกซองยาวอาจจะเป็นปืนกระบอกแรกของคุณสำหรับป้องกันตัวในบ้าน หรือถ้าคุณอยู่ในเมืองแต่บ้านมีบริเวณพอสมควร ปืนลูกซองก็อาจจะเป็นเป็นปืนกระบอกที่สองหลังจากที่คุณมีปืนสั้นแล้ว
ความซับซ้อนและข้อดีของปืนลูกซองอยู่ที่กระสุน เพราะมันมีให้เลือกใช้หลากหลายมากสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกันไป ลองมาทำความเข้าใจกับกระสุนลูกซองกันก่อนครับ
กระสุนลูกซอง
ขนาดหน้าตัดของลำกล้องลูกซองไม่ได้วัดเป็นนิ้วหรือมิลลิเมตรแต่วัดด้วยระบบปืนเก่าแก่ที่เรียกว่า “เกจ”
เกจ
ขนาด “เกจ” นั้นมาจากการเอาตะกั่ว 1 ปอนด์มาแบ่งเป็นลูกกลมๆเท่าๆกัน ถ้า แบ่งได้ 10 ลูกใหญ่หน่อย ก็เรียกว่า 10 เกจ ถ้าได้ลูกเล็กๆ 20 ลูก ก็เรียกว่า 20 เกจ เป็นวิธีวัดขนาดปืนบรรจุปากในสมัยโบราณ


ปืนลูกซองขนาดที่นิยมกันมากที่สุดทั่วโลกและในประเทศเรา คือขนาด 12 เกจ หรือเรียกกันให้สับสนนิดนึงว่าเบอร์ 12 (เดี๋ยวผมจะอธิบายต่อว่าสับสนยังไง) ถ้าจะซื้อปืนลูกซองก็ชื้อขนาดนี้ละครับไม่ต้องคิดมาก
ความยาวกระสุน
เกจ คือหน้าตัดนะครับ ยังมีความยาวให้เลือกอีก กระสุนลูกซองขนาด 12 เกจ มี 3 ความยาวของปลอกกระสุนให้เลือกครับ ตั้งแต่ 2นิ้ว และ 2 1/2นิ้ว ที่เลิกใช้กันไปแล้ว, 2 3/4นิ้ว เป็นขนาดมาตรฐาน, 3นิ้ว ที่จัดว่าเป็นแม็กนั่ม และ 3 1/2นิ้ว ซูเปอร์แม็กนั่ม และแน่นอนว่ากระสุนที่ยาวขึ้นสามารถใส่จำนวนเม็ดลูกปรายให้มากขึ้นและใส่ดินปืนมากขึ้น ซึ่งก็ต้องเลือกให้ถูกว่าปืนลูกซองของเรารังเพลิงใช้กระสุนได้ถึงความยาวเท่าไหร่

ปืนลูกซองในยุคก่อนๆโดยเฉพาะปืนลูกซองเดี่ยวและลูกซองแฝด และปืนลูกซองกีฬาจะทำรังเพลิงสำหรับกระสุนความยาว 2 3/4” แต่ปืนรุ่นใหม่ที่เป็นปืนปั้มหรือปืนเซมิออโต้มักจะทำเป็นรังเพลิง 3” หรือ 3 1/2”
ปืนที่มีรังเพลิง 2 3/4” ใช้ได้เฉพาะกระสุน 2 3/4” เท่านั้น ในขณะที่ปืนที่มีรังเพลิง 3” หรือ 3 1/2” สามารถใช้กระสุนที่สั้นกว่ารังเพลิงได้ ยิงได้โดยไม่มีปัญหาอะไร
กระสุนส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดที่มีขายในบ้านเราจะเป็นกระสุนความยาว 2 3/4” ยกเว้นคุณจะตั้งใจหาซื้อจริงๆถึงจะได้ขนาด 3” หรือ 3 1/2”
อันนั้นคือขนาดภายนอกของกระสุนลูกซองที่จะต้องสัมพันธ์กับปืนครับ คราวนี้มาดูลูกปรายที่บรรจุอยู่ข้างในบ้าง

ขนาดลูกปราย
ขนาดของลูกปรายนั้นบางครั้งจะเรียกกันว่า “เบอร์” (ผมถึงบอกว่าการเรียกปืน 12 เกจ ว่าเบอร์ 12 จะนำพามาซึ่งความงงครับ) “เบอร์” นี้จะบอกขนาดและจำนวนของเม็ดลูกปรายที่อยู่ภายในกระสุน

ในมุมของลูกปราย เราจะแบ่งกระสุนลูกซองได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

- Birdshot หรือลูกยิงนก คือกระสุนที่ใช้ลูกปรายเม็ดเล็กๆจำนวนมากบอกขนาดเป็นเบอร์ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ (อย่าแปลกใจครับระบบตัวเลขนี้เกิดมาตั้งแต่สมัยโบราณที่ยังใช้ปืนบรรจุปากและยังไม่มี internet คุยกันครับ
ระบบการระบุขนาดเม็ดลูกปรายที่นิยมที่สุดในเมืองไทยคือระบบอเมริกันซึ่งมีหน่วยเป็นนิ้วครับ ระบบอเมริกันนี้จะเบอร์ตั้งแต่ 1 ไปจนถึง 10 โดยสามารถเทียบหาขนาดของกระสุนลูกปรายได้โดยการเอาเลข 17 ตั้งแล้วลบด้วยเลขเบอร์จะได้เลขออกมาเป็นเส้นผ่านศูนย์กลาง ในหน่วย 1/100 นิ้ว อย่างเพิ่งงงครับ ลองดูตัวอย่างไม่ยากครับ|
เช่นเบอร์ 2 จะมีขนาดเท่ากับ 17-2 = 15 ซึ่งก็คือ 0.15นิ้ว เบอร์ 9 จะมีขนาดเท่ากับ 17-9 = 8 ซึ่งก็คือ 0.08 นิ้ว และนั่นก็หมายความว่าเลขเบอร์มากขนาดของลูกปรายก็จะยิ่งเล็กลง เบอร์หนึ่งใหญ่สุดที่ขนาด 0.16นิ้ว และเพื่อไม่ให้ชีวิตง่ายเกินไปก็เลยมีโตกว่านั้นอีกหนึ่งเบอร์ เรียกว่า BB เป็นขนาด 0.18 นิ้ว
เนื่องจาก ลูกปลาย Bird Shot นี้มีขนาดเล็กและบรรจุใส่ในกระสุนนัดละมากๆ จึงไม่มีการนับนะครับว่าใส่กี่เม็ดแต่จะระบุเป็นน้ำหนักรวมของลูกปรายแทนโดยส่วนใหญ่ระบุน้ำหนักเป็น ออนซ์
- Buckshot ชื่อบอกว่าเป็นกระสุนสำหรับยิงสัตว์ใหญ่ครับ เพราะ Buck แปลว่ากวาง ใช้ลูกปรายเม็ดใหญ่ขึ้น โดยมีการระบุขนาดเป็นตัวเลขแต่มีคำว่า Buck ตามหลัง โดยมีตั้งแต่ #4Buck ที่มีขนาด 0.24 นิ้ว ไปจนถึง #0Buck ที่มีขนาด 0.32 นิ้ว ถ้าใหญ่กว่านั้นก็เพิ่ม 0 ไปอีกเป็น #00 Buck และ #000 ลองดูขนาดในภาพนะครับ
ในบรรดากระสุน Buck Shot นี้ #00 Buck เป็นกระสุนนิยมแพร่หลายที่สุด บางครั้งนิยมเรียกกันว่าลูก 9 เม็ด เพราะจะมีจำนวนลูกปรายอยู่ในกระสุนความยาว 2 3/4นิ้วอยู่ 9 เม็ด
- Slug หรือลูกโดด ก็คือกระสุนที่ใส่ลูกตะกั่วลูกโตๆไว้เพียงลูกเดียวเพื่อการยิงสัตว์ใหญ่หรือยิงระยะไกลขึ้น ลูกตะกั่วที่ใช้นั้นก็มีหลายหลายรูปทรงตั้งแต่รูปทรงกลมธรรมดาและแบบอื่นๆอีกมากมาย การใช้ลูก Slug ที่เหมาะสมจะทำให้ระยะยิงหวังผลของปืนลูกซองเพิ่มขึ้นเป็น 50 เมตรหรืออาจจะถึง 100 เมตรสำหรับกระสุน Slug ที่ออกแบบมาดี

ส่วนประกอบสุดท้ายที่เป็นตัวแปรในกระสุนปืนลูกซองคือปริมาณดินปืนที่บรรจุไว้ในกระสุน
ปริมาณดินปืน
ปริมาณดินปืนนี้จะบอกไว้ในหน่วยของ Dram Equivalent ซึ่งมีความหมายว่าเทียบได้กับความแรงของดินดำกี่ Dram ( 16 Dram = 1 ออนซ์) ถ้าอยากจะรู้ว่าแรงแค่ไหน เอาเลข 3 Dram เป็นมาตรฐานก็ได้ครับ ต่ำกว่า 3 Dram หมายถึงลูกที่ใช้กันทั่วไป ถ้าเกิน 3 Dram ขึ้นไปก็จะเป็นลูกกระสุนที่แรง
บางครั้งผู้ผลิตกระสุนก็จะบอกเป็นความเร็วกระสุนแทน Dram Equivalent ความเร็วที่เป็นมาตรฐานของกระสุน 12 เกจ อยู่ที่ประมาณ 1145 – 1250 FPS (ฟิต ต่อ วินาที) ถ้ามากกว่า 1300 FPS ถือได้ว่าเป็นกระสุนที่แรง (แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดีกว่า)
หมายเหตุ: ในสมัยก่อนนี้การดูความแรงของกระสุนลูกซองแบบบ้านๆ จะดูกันที่ปลอกทองเหลืองของกระสุน ถ้าฐานสูงขึ้นมาก็จะอนุมานกันว่าเป็นลูกแรง มักจะเรียกกันว่า “ลูกฐานสูง” หรือ “ลูกสองแรง” อาจจะเป็นจริงในสมัยก่อนและสำหรับกระสุนบางยี่ห้อ แต่ใช้ในปัจจุบันไม่ได้แล้วนะครับ มันไม่ตรงตามนั้นเสมอไป
ลองดูภาพนี้ที่บอกข้อมูลเกี่ยวกับกระสุนลูกซองอยู่ข้างกล่องกระสุนดูนะครับ

แบบต่างๆของปืนลูกซอง
จบเรื่องกระสุนแล้ว ลองมาดูเรื่องตัวปืนกันบ้าง ปืนลูกซองยาวมีกลไกให้เลือกหลายแบบมาก ลองมาดูกันครับ
- ปืนลูกซองเดี่ยว เป็นปืนที่มีกลไกง่ายๆ เปิดล็อค หักลำปืน ท้่ยลำกล้องก็จะเเปิดกระดกขึ้นมาให้ใส่ลูกหรือหยิบลูกออกได้ 1 นัด เป็นปืนที่ใช้กันแพร่หลายมากในมือชาวบ้านป่าเพราะใช้งานง่าย, ทนทาน, น้ำหนักเบา และราคาถูกที่สุด (ปัจจุบันนี้ไม่ถูกเท่าไหร่นักแล้ว)

- ปืนลูกซองแฝด ถือได้ว่าเป็นปืนเกรดดีมาตั้งแต่ยุคก่อน เพราะการผลิตปืนลูกซองแฝดคุณภาพดีจะต้องใช้ฝีมือมากๆ มี 2 แบบคือ แฝดซ้อนที่มีลำกล้องอยู่บน-ล่าง และแฝดขนานที่มีลำกล้องอยู่ด้านซ้ายและขวา การใช้งานก็ไม่ต่างจากลูกซองเดี่ยวเพียงแต่ใส่กระสุนได้ครั้งละ 2 นัด


- ปืนลูกซองแบบปั๊ม เป็นปืนลูกซองที่นิยมใช้กันมากที่แบบหนึ่งสำหรับการต่อสู้ป้องกันตัว เพราะบรรจุกระสุนได้หลายนัด (3-8 นัด) ยิงซ้ำได้เร็ว, กลไกไว้ใจได้ และราคาไม่แพง
ปืนลูกซองแบบปั๊ม บริหารกลไกโดยเมื่อยิงแล้วผู้ยิงจะต้องสาวกระโจมมือเข้าหาตัวเพื่อสลัดปลอกและขึ้นลำ แล้วดันกลับไปข้างหน้าเพื่อป้อนกระสุนนัดใหม่เข้าสู่รังเพลิง ปืนก็จะพร้อมยิง การบรรจุกระสุนมักจะบรรจุในหลอดที่อยู่ใต้ลำกล้อง ส่วนใหญ่จะบรรจุได้ 5 นัด ทำให้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าลูกซอง 5 นัด แต่บางกระบอกอาจจะบรรจุได้ 7 – 8 นัด

- ปืนลูกซองเซมิออโต้ (บางครั้งเรียกันสั้นๆว่าลูกซองออโต้ เป็นปืนที่ใช้แรงสะท้อนถอยหลังจากกระสุนที่ยิงออกไปมาบริหารกลไกเพื่อสลัดปลอกกระสุนและป้อนกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิง
ในกฎหมายของประเทศไทยนั้นห้ามมิให้ประชาชนมีปืนยาว (กำหนดที่มีลำกล้องยาวกว่า 6” ขึ้นไป) ที่มีเกลียวลำกล้อง, ใช้กระสุนชนวนกลางและสามารถยิงซ้ำได้ ซึ่งข้อห้ามนี้ไม่ครอบคลุมปืนลูกซองที่ไม่มีเกลียวในลำกล้อง และปืนขนาด .22 ที่ใช้กระสุนชนวนริม

ในยุคก่อนปืนลูกซองออโต้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักเพราะมีชิ้นส่วนที่ซับซ้อนต้องคอยดูแลบำรุงรักษา, ถ้าใช้กระสุนที่บางอย่างก็มีโอกาสติดขัด, มีน้ำหนักมาก, ราคาแพง ฯ แต่ในปัจจุบันนี้ปืนลูกซองออโต้มีการพฒนาไปมากและมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ได้ ถ้าเป็นยี่อห้อดีๆก็มีกลไกและการทำงานที่เชื่อถือได้
ปืนลูกซองออโต้ในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบบรรจุกระสุนในหลอดใต้ลำกล้องและแบบแม็กกาซีนใต้ตัวปืน


นอกจากนี้ยังมีปืนลูกซองระบบกลไกแบบลูกเลื่อนและแบบคานเหวี่ยง แต่ไม่ได้รับความนิยมและเลิกผลิตไปเกือบหมดแล้ว
ความยาวลำกล้องและโช๊ค
ในการเลือกปืนลูกซองยาว นอกจากระบบกลไกแล้วสิ่งสำคัญอีกสองอย่างก็คือความยาวลำกล้องและชนิดของโช๊ค
โช๊คคือการบีบขนาดของปากลำกล้องลงเพื่อบีบกลุ่มกระสุนให้แคบเพื่อให้กลุ่มกระสุนแน่นพอที่จะยิงระยะไกลขึ้น
โดยที่มีการกำหนดเป็นหลักๆ 4 แบบคือ
- Cylinder Choke คือลำกล้องปืนแบบที่ไม่มีการบีบเข้าเลย ลำกล้องเป็นทรงกระบอกเท่ากันหมด โช๊คแบบนี้จะส่งให้กลุ่มกระสุนกว้าง 40” หรือ 1 เมตรที่ระยะ 25 หลา (80%ของลูกปรายเข้าในวงกลมนั้น)
- Improve Cylinder คือลำกล้องปืนแบบที่มีการบีบเข้าเล็กน้อย โช๊คแบบนี้จะส่งให้กลุ่มกระสุนกว้าง 40” หรือ 1 เมตรยืดออกไปที่ระยะ 30 หลา
- Modified Choke คือลำกล้องปืนแบบที่มีการบีบรูปลายลำกล้องลงมาอีก โช๊คแบบนี้จะส่งให้กลุ่มกระสุนกว้าง 40” หรือ 1 เมตรยืดออกไปที่ระยะ 35 หลา
- Full Choke คือลำกล้องปืนแบบที่มีการบีบรูปลายลำกล้องลงมาอีก โช๊คแบบนี้จะส่งให้กลุ่มกระสุนกว้าง 40” หรือ 1 เมตรยืดออกไปที่ระยะ 40 หลา

และยังมีโช๊คแบบอื่นๆอีกหลากหลาย ลองดูในตารางนี้นะครับ

ทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ ไม่ใช่ว่า Choke ที่กลุ่มแน่นยิงไกลกว่าจะดีกว่าเสมอไปนะครับ ปืนลูกซองออกแบบมาให้ใช้งานหลากหลาย จึงมีโช๊คแบบต่างๆให้เลือกใช้
เช่น ถ้าเรายิงเป้าเคลื่อนที่ในระยะใกล้ โช๊คที่ให้ม่านกระสุนกว้างอย่าง Cylinder หรือ Improved Cylinder ย่อมได้เปรียบ แต่ถ้าเราต้องการยิงเป้าหมายที่ไกลออกไป โช๊คที่แคบกว่าอย่าง Full Choke ก็อาจจะทำให้มีโอกาสยิงถูกเป้าได้สูงกว่า
ปืนลูกซองแฝดนั้นมักจะมีโช๊คที่ต่างกันในสำกล้องทั้งสอง
ในปัจจุบันปืนลูกซองหลายแบบหลายรุ่นมีโช๊คปลายลำกล้องที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้เราสามารถเลือกใส่โช๊คที่เหมาะสมกับการใช้งานได้ในปืนกระบอกเดียว

แล้วความยาวลำกล้องปืนล่ะ
ในสมัยก่อนโช๊คมักจะมีความสัมพันธ์กับความยาวของลำกล้องปืน เช่นโช๊คของปืนลูกซองลำกล้องยาว 26” ส่วนใหญ่จะเป็น Improved Cylinder, 28” มักจะเป็น Modified Choke และถ้าอยากได้ Full Choke ก็จะต้องเป็น 30 นิ้ว แต่ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ความยาวลำกล้องกับชนิดของโช๊คไม่มีความสัมพันธ์กันเลย
แล้วความยาวลำกล้องปืนลูกซองมีผลอย่างไรบ้าง
ต่างจากปืนสั้น ความยาวของลำกล้องปืนลูกซอง มีผลต่อความเร็วของเม็ดลูกปรายที่ยิงออกไปน้อยมาก เม็ดลูฏปรายที่ยิงจากลำกล้อง 18” กับ 28” มีความเร็วต่างกันแค่ประมาณ 3% ลำกล้องที่ความยาวต่างกันถ้าโช๊คเดียวกันก็มีกลุ่มลูกปรายที่เท่ากัน

ข้อได้เปรียบของปืนลูกซองที่มีลำกล้องยาวจะชัดเจนขึ้นเมื่อยิงเป้าเคลื่อนที่
การยิงเป้าเคลื่อนที่ ผู้ยิงจะต้องวาดปืนตาม, ผ่านเป้าเมื่อทำการยิง และมีการ follow through ที่ดีเพื่อสาดม่านลูกปรายให้เข้าเป้า ปืนลูกซองดีๆที่มีลำกล้องยาวและสมดุลย์ที่ดีจะให้ผลที่แตกต่างมาก เน้นคำว่ามากนะครับ
นอกจากนั้น แม้กลุ่มของลูกปรายจะวัดได้เท่ากันในระยะที่กำหนด (เช่น 80% ในวงกลม 40”) ปืนลูกซองชั้นดี (ที่มักจะมีลำกล้องยาว) จะให้ม่านของลูกปรายที่กระจายตัวสม่ำเสมอทั่วพื้นที่กว่า ซึ่งก็หมายถึงโอกาสสูงกว่าที่จะโดนเป้าขนาดเล็ก

การเลือกซื้อปืนลูกซองยาวสำหรับการป้องกันตัวนั้นก็ขึ้นอยู่กับที่อยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของคุณเช่นเดียวกับปืนอื่นๆ
ถ้าคุณอยู่อาศัยในบ้านที่ไม่กว้างนัก ปืนลูกซองที่มีลำกล้องสั้น 18-20 นิ้วเป็นปืนที่คล่องตัวในพื้นที่คับแคบในตัวบ้าน Cylinder Coke หรือ Improve Cylinder Choke ที่ให้ม่านลูกปรายกว้างก็เหมาะสำหรับการป้องกันตัวและหยุดภัยคุกความในระยะใกล้ และไม่จำเป็นเลยที่จะต้องใช้ปืนที่เปลี่ยนโช๊คได้


ถ้าคุณอยู่อาศัยในบ้านที่มีพื้นที่กว้างและภัยคุคามอาจจะเกิดขึ้นในระยะไกลกว่า 20 เมตร หรือต้องการมีปืนลูกซองที่ใช้ป้องกันตัวในบ้านและที่อื่นๆด้วย คุณอาจจะอยากได้ปืนที่เปลี่ยนโช๊คได้

สำหรับชนิดของกลไกนั้น ถ้าไม่ได้รับมรดกปืนลูกซองแฝดมา ก็ตัดออกจากตัวเลือกได้เลยครับ เพราะนอกจากจะราคาสูงแล้วยังยาวเกินไปและบรรจุกระสุนได้น้อย
ปืนลูกซองแบบปั๊มนั้นเป็นแบบที่เหมาะสมที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับมือใหม่ ปืนชนิดนนี้มีกลไกที่เข้าใจง่าย, แข็งแรงทนทาน, ราคาไม่แพง และถ้าฝึกให้คุ้นแล้วการยิงซ้ำก็สามารถทำได้เร็วมากแทบจะไม่เป็นรองปืนออโต้มากนัก และคิดไว้สักนิดครับว่าการป้องกันตัวด้วยปืนลูกซอง การยิงซ้ำเร็วไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดครับ เพราะการยิงแต่ละครั้งมีลูกปรายออกไปหลายเม็ด ถ้ายิงเข้าเป้าอำนาจหยุดยั้งของกระสุนลูกซองนั้นสูงมากครับ
ปรมาจารย์ Jeff Cooper เคยกล่าวไว้ว่าปืนสั้นเป็นอาวุธป้องกันตัวที่มีไว้เพื่อยุติเหตุที่คนอื่นมากระทำกับเรา เพราะถ้ารู้ว่าจะต้องไปต่อสู้กับใคร ควรจะเอาปืนลูกซองไป
แม้จะเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดอย่างหนึ่งที่คนทั่วไปจะครอบครองได้ แต่ปืนลูกซองก็ไม่ใช้อาวุธวิเศษครับ ถ้ามีใครมาบอกคุณว่า “ปืนลูกซองไม่ต้องเล็งหรอก ยังไงก็โดน” อยู่ห่างๆและไม่ต้องฟังคำแนะนำอะไรจากคนนั้นอีกนะครับ บอกเลยว่าผมยิงปืนลูกซองไม่โดนเป้ามาเยอะกว่าที่โดนครับ

แต่ปืนลูกซองเป็นเพียงเครื่องมือนะครับ ส่วนที่สำคัญที่สุดคือผู้ยิงที่จะต้องเรียนรู้และฝึกใช้อาวุธปืนลูกซองให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุดครับ
ขอจบด้วยข้อแนะนำที่สำคัญอีก 3 ข้อถ้าคุณอยากมีปืนครับ
- ก่อนอื่นใด เรียนรู้กฎความปลอดภัยในการใช้อาวุธปืน หากไม่เข้าใจปฏิบัติไม่ถูกต้อง ปืนเป็นสิ่งอันตรายถึงชีวิต อ่านและทำความเข้าใจกฎความปลอดภัยในการใช้อาวุธปืนได้ที่นี่ครับ
- ไปเรียนยิงปืน ปรมาจารย์ Jeff Copper กล่าวไว้ว่า “การมีปืนไม่ได้ทำให้คุณพร้อมใช้อาวุธ เท่าๆกับที่การมีกีต้าไม่ได้ทำให้คุณเป็นนักดนตรี”
ในเมืองไทยมีที่สอนยิงปืนมากมาย ดีบ้าง, ปานกลางบ้าง, ไม่ดีบ้าง ลองอ่านตรงนี้ว่ามีที่ไหนแนะนำบ้างนะครับ - ไม่ควรทำอะไรหรือครอบครองอะไรที่ผิดกฎหมายอาวุธปืนอย่างเด็ดขาด อย่างที่กล่าวมาแล้ว กฎหมายปืนบ้านเราเป็นกฎหมายที่ให้สิทธิกับประชาชนมากแล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องไปดิ้นรนหาสิ่งที่อยู่นอกเหนือกฎหมาย และการทำผิดกฎหมายอาวุธปืนมีบทลงโทษหนักมาก ลองศึกษาหาความรู้ดูนะครับ ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ครับ
[…] […]
[…] => อ่านเพิ่มเติม […]
[…] อ้างจากแหล่งที่มา: … […]