หลากอารมณ์ทะเล เกาะมันนอก จ.ระยอง (Koh Munnork Private Island)
Day 1
ก่อนจะถึงวันเดินทางเช็คอากาศกันนิดนึง เค้าว่าจะมีฝนตกลมแรง ผู้ร่วมเดินทางเริ่มหวั่น ๆ ว่าจะคุ้มกับการเดินทางไปไม๊ ไปทะเลทั้งทีให้ติดอยู่แต่ในห้องก็เป็นการเสียเงินและเสียเวลาไปเปล่า ๆ เลยโทรไปถามเจ้าหน้าที่ เค้าแจ้งว่าถ้าเกิดมีพายุฝนหรือคลื่นลมแรงจนออกเรือไม่ได้ เค้าจะโทรแจ้งลูกค้า ส่วนเราคิดว่ามันคงไม่ขนาดนั้นหรอกมั๊ง เพราะวันที่ผ่าน ๆ มา อากาศก็ไม่ได้เลวร้ายมาก (เหตุผลคนอยากเที่ยวมีแค่นี้แหล่ะ คือไม่มีเหตุผล)
สมัยนี้การเดินทางเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เราขับรถไปตามถนนมอเตอร์เวย์ตรงไปเรื่อย ๆ จนเห็นด่านเก็บเงิน เป็นธรรมดาก็ต้องรีบเตรียมเงินก่อนถึง จำได้ว่า 30.- แต่เนื่องจากด่านมีการปรับปรุงใหม่ ก็ไม่รู้เริ่มมานานแค่ไหนแล้ว เริ่มจะมีช่องทางสำหรับคนที่ใช้บัตร M Pass คือจะให้ประชาชนเดือดร้อนทำไม จะให้มีทั้งบัตร Easy Pass ด้วย M Pass ด้วยเลยเหรอ ถึงจะได้ Pass แต่เอาเถอะช่วงนี้เค้าอยู่ในช่วงปรับปรุงกัน วิ่งไปถึงด่านถึงได้รู้ว่าให้รับบัตรจากด่านแรกเพื่อไปจ่ายด่านสุดท้ายที่จะลง
คนขับรถส่วนใหญ่เวลาขับไปก็คงนั่งพูดคุยกับผู้ร่วมทางไป และก็แอบมองวิวข้างทางบ้าง ใครมันจะไปคิดว่าเมื่อถึงด่านสุดท้ายที่จะลง เราก็ยื่นบัตรคืนให้ เจ้าหน้าที่ถามว่าขึ้นมาจากด่านไหนคะ เฮ้ย!!! ใครจะไปจำได้ ใครจะไปสังเกตขนาดนั้น เราก็เลยบอกว่าไม่รู้อะค่ะไม่ได้ดูเลย แต่ว่าวิ่งมาจากทางนี้ ๆๆๆๆ อะค่ะ เจ้าหน้าที่แกคงคิดตาม อ๋อ งั้นก็คงเป็นด่านนี้ ๆๆๆๆ เคค่ะ รวม 60.- ว่าแต่ทำไมในบัตรถึงไม่มีข้อมูลว่ารถคันไหนขึ้นมาจากด่านไหน สรุปว่ามีแล้วสะดวกขึ้นไม๊ ถ้าเจ้าหน้าที่ต้องถามคนขับรถทุกคันว่ามาจากด่านไหน ลองคิดดูเล่น ๆ ว่าขนาดแค่จ่ายเงิน ทอนเงิน เฉพาะค่าทางด่วนยังไม่ได้มีการถามไถ่แบบนี้ รถยังติดกันเป็นกิโล ๆ เฮ้อ !!! ประชาชนเพลีย
เราใช้เวลาเดินทางจนถึงจังหวัดระยอง 2 ชั่วโมง พอดีเป๊ะ แต่เสียเวลาในการหาที่พักนิดนึง เราจำเป็นต้องนอนกันที่ฝั่งก่อนเพราะเรือที่จะข้ามไปเกาะมันนอก เค้าออกแค่เวลาเดียวเท่านั้นคือเวลาบ่ายโมง และขณะนี้เป็นเวลาบ่ายมาก ๆ แล้ว หลังจากเข้าที่พักชื่อว่า Banyan คืนละ 1,070.- รวมอาหารเช้า ห้องมีลักษณะเหมือนคอนโด แต่ใหม่ สะอาด และที่สำคัญดูปลอดภัย ภายในห้องก็จะมี 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องน้ำ และ Pantry
หลังจากเช็คอินเข้าที่พักเก็บของเรียบร้อยก็ได้เวลาอาหารทะเล แน่นอนไปถึงทะเลจะมาสั่งกระเพราไก่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เตรียมท้องไปเพื่ออาหารทะเลโดยเฉพาะ ถามเจ้าหน้าที่ของที่พักเค้าแนะนำว่าส่วนใหญ่เค้าก็ไปแหลมเจริญซีฟู้ดกันนะ แหม!!! น้องรู้เปล่ากรุงเทพฯ ก็มีร้านนี้อะ (ไม่ได้พูดออกไปหรอกนะ) เราก็สองจิตสองใจ มาทั้งทีก็อยากกินร้านที่คนท้องถิ่นเค้ากินกัน มันต้องมีซิ แต่ด้วยความหิวมาก ๆ มันทำให้สมองเราไม่แล่นชั่วคราว ความอดทนก็จะต่ำเป็นพิเศษ ก็มันหิวน่ะ “พี่ขับไปตามทางเลยครับ ออกจากหน้าที่พักเลี้ยวซ้าย เจอสี่แยกพี่เลี้ยวขวาเลย ตรงไปเรื่อย ๆ พี่จะเจอรูปปั้นผีเสื้อสมุทรและพระอภัยมณีอยู่ตรงสามแยกข้างหน้า แล้วพี่ก็เลี้ยวซ้ายอีกที ขับเลียบชายฝั่งไปเรื่อย ๆ แล้วพี่จะเห็นแหลมเจริญซีฟู้ดอยู่ด้านซ้ายมือครับ” เอ่อข้อมูลเป๊ะดีว่ะ ระหว่างทางที่ขับมาก็ไม่มีร้านไหนน่านั่งจริง ๆ ด้วย มันจะไม่มีร้านไหนอีกเลยเหรอ นอกจากแหลมเจริญ ฯ เอาวะ แหลมก็แหลม หิวตาลายละ
รสชาติอาหารคือว่า เอาน่ะเรากินเพื่ออยู่นี่หน่า จะว่าไปที่กรุงเทพฯ รสชาติดีกว่านี้นะ ร้านที่จังหวัดระยองน่าจะเป็นต้นแบบเลยรึเปล่า ร้านกว้างใหญ่มากมีโต๊ะเป็นร้อยเห็นจะได้ แต่ขณะที่เราไปถึงก็ยังมีลูกค้าไม่กี่โต๊ะ กับข้าวทั้งหมดเท่าที่เห็น แต่ใช้เวลานานมาก (ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับที่เราหิว) คาวเสร็จก็ต้องตามด้วยหวาน พนักงานแจ้งว่าขนมหวานทางร้านเราจะเป็นแบบแช่แข็งสำเร็จรูปทั้งหมดค่ะ อารมณ์อยากยังไงก็ได้ เอ่อ!!! น้องคะ พี่เอาทับทิมกรอบถ้วยนึง ผู้ร่วมทางขอสละลอยแก้วละกัน เริ่มจากทับทิมกรอบก่อนเลย ไม่มีความหอมของกะทิเอาซะเลย แต่ก็เข้าใจได้ว่าแช่แข็งมาให้อภัยได้ ส่วนสละลอยแก้ว นึกถึงสีหน้าของคนอยากกินออกไม๊ สละลอยแก้วมาแล้ว ๆ มาถึงก็ตักกวน ๆ ให้น้ำแข็งละลาย แล้วก็ตักชิม ทันใดนั้นเองก็เห็นเส้นผมแช่แข็งที่ไม่ได้สั่งลอยมาพร้อมสละแบบเนียน ๆ เราถึงกับขนลุกเลยทีเดียว ต้องบอกเลยว่าเป็นอะไรที่ไม่ชอบมาก ๆ เวลาเห็นเส้นผมปนมากับอาหาร หรือของกินจะรับไม่ได้เลยแล้วจะเลิกสั่งทุกสิ่งทุกอย่างจากร้านนั้นทันที หลังจากแจ้งพนักงานทางร้าน ”ขอโทษนะคะเดี๋ยวเปลี่ยนมาให้ใหม่ค่ะ” ตามนั้นค่ะไม่มีอะไรจะเสียละ “ว่าแต่อย่าเพิ่งยกถ้วยเก่าไปนะคะ เอาถ้วยใหม่มาให้พี่ก่อน” เราก็ไม่ได้เป็นคนมองโลกแง่ร้ายนักหรอกนะ แต่รอบคอบไว้ก่อนดีกว่าเกรงว่าน้องเค้าจะไปเอาแต่เส้นผมออกแล้วยกถ้วยเดิมมา เพราะความขยาดและความกลัวของคนเรามันคงจะแตกต่างกัน ทันใดนั้นสละลอยแก้วถ้วยใหม่ก็มาเสริฟอีกครั้ง หลังจากผู้ร่วมทางชิมไปได้หนึ่งคำ พี่ ๆ ลองชิมดูหน่อยซิว่ามันเหม็น ๆ แปลก ๆ รึเปล่า อ้าว!!!! รอให้หอม ๆ แบบชื่นใจแล้วค่อยเรียกชิมจะดีกว่าไม๊ แต่เราก็ลอง “น้องคะ เช็คบิลค่ะ” ไม่รอช้า และไม่พูดอะไรมาก น้องเค้าก็บอกแล้วว่าของหวานทางร้านเป็นแบบแช่แข็งสำเร็จรูปมาทั้งหมดนะคะ พี่โอเคค่ะ แต่น้องไม่ได้บอกพี่นี่หน่าว่าสละลอยแก้วมันจะมีเส้นผมสำหรับถ้วยแรก และมีกลิ่นเหม็น ๆ เหมือนสละเน่าสำหรับถ้วยที่สองนี่
หลังจากเช็คบิลออกจากร้านมา ข้ามไปฝั่งทะเลเดินย่อยซะหน่อย และเดินให้หายเครียดกับของหวานกันซักนิด แต่ยังไม่วายตาก็ดันไปเห็นขยะเป็นแก้วพลาสติกกองกันอยู่เป็นหย่อม ๆ นี่แหล่ะน๊า ทำไมถึงคิดกันไม่ได้ว่าเวลากินอะไรเสร็จควรจะหยิบไปทิ้งในที่ที่เค้าจัดเตรียมไว้ให้ เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้สามารถกลายเป็นปัญหาระดับประเทศได้ เชื่อเค้าเลย เอาเถอะทำเมิน ๆ ซะบ้าง คนส่วนน้อยอย่างเรา ๆ คงไม่มีปัญญาไปแก้ปัญหาระดับประเทศแบบนี้ได้
กำลังโพล้เพล้เลย ละสายตาจากสิ่งที่ไม่ควรมองหันไปชื่นชมแสงจากธรรมชาติดีกว่า ธรรมชาติสวยงามเสมอ ได้เวลาขับรถกลับที่พัก เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปท่าเรือเพื่อข้ามไปเกาะมันนอกอีก เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกว่าใช้เวลาเดินทางจากที่พักไปท่าเรือประมาณ 45 นาที (แบบรถไม่ติด) ระหว่างทางที่ขับรถกลับ เราใช้เส้นทางเดิมเลยแต่ต่างเวลากันแค่นั้นแหล่ะ และแล้วก็เริ่มเห็นร้านอาหารทะเลเปิดกันหลายร้าน ที่สำคัญคนเยอะด้วย เดาว่าคงจะมีแต่คนท้องถิ่นเค้ามากินกัน นี่แหล่ะน๊า ความหิวไม่เคยปราณีใคร ทำให้ต่อมการตัดสินใจผิดพลาดผิดเพี้ยนไปเลย มันจะผิดปกติไปไม๊ถ้าทั้งจังหวัดระยองจะมีแต่ร้านแหลมฯ รอเวลาซะหน่อยคงจะได้กินอาหารทะเลรสชาติอร่อยแบบที่คนท้องถิ่นเค้ากินกัน อยากจะบอกน้องพนักงานที่พักจังเลยว่า คราวหน้าแนะนำร้านอาหารทะเลร้านอื่นให้กับลูกค้าบ้างก็ได้ คงจะแนะนำร้านแหลมฯ อยู่ร้านเดียวเลยซินะ บอกทางซะคล่องเชียว
Day 2
บริเวณที่ฝากรถสำหรับคนที่ขับรถมา ค่าบริการ 100.-/ทริป สำหรับใครที่มาเกาะมันนอกต้องขับรถไปขึ้นเรือที่ท่าเรือแหลมตาล ซึ่งอยู่ถัดจากท่าเรือมะขามป้อมประมาณ 1 กม. วิ่งเลยมาเรื่อย ๆ จนเห็นป้ายเล็ก ๆ เลือนลางๆ เขียนว่า ท่าเรือแหลมตาล แอบอยู่บนต้นไม้ (เหมือนกลัวคนจะเห็นป้ายแล้วจะไปถูกอย่างนั้นแหล่ะ) เอาเป็นว่าสำหรับคนที่จะไปเกาะมันนอกให้สังเกตศาลที่ไว้ให้บูชาดีกว่า แต่ไม่ทันสังเกตว่าเป็นศาลที่เค้าบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใด เห็นปุ๊ปก็เลี้ยวขวาได้เลย ตรงมาอีกนิดเดียวอยู่ทางซ้ายมือก็ถึงที่จอดรถละ
เรือข้ามไปเกาะมันนอกออกเวลาเดียวเท่านั้นคือบ่ายโมง คนส่วนใหญ่ก็จะต้องมาถึงก่อนเวลาอยู่แล้ว เพราะถ้าพลาดแล้วพลาดเลยจร้า ที่นั่งพักก็นั่งรอในร้านอาหารตามสั่งแบบง่าย ๆ สงสัยว่าทำไมคนที่ได้สัมปทานเกาะมันนอกในเมื่อเป็นเกาะส่วนตัวแล้วถึงไม่ทำที่นั่งพักระหว่างรอเรือให้ดีกว่านี้ หรือร้านกาแฟที่นั่งสบาย ๆ หน่อย หรืออาจจะมีเหตุผลอะไรที่ไม่สามารถทำได้ อันนี้ก็ว่ากันไป หลังจากที่พวกเราจอดรถเสร็จก็เดินมาฝากกระเป๋าติดหมายเลขห้องเรียบร้อยก็มองหาที่นั่ง ซึ่งไม่คิดเลยว่าตรงนั้นแหล่ะคือที่นั่งรอ เพราะมันดูเหมือนร้าง ๆ และไม่สะอาดเท่าที่ควร มันช่างแตกต่างจากภาพที่คิดไว้ว่าเป็นเกาะส่วนตัวซะจริง ๆ เพื่อนร่วมทางให้ข้อมูลว่าทางเกาะมีแจ้งแล้ว ว่าปกติช่วงเวลานี้จะต้องปิดเกาะ เพราะเป็นช่วงฤดูฝนอาจจะมีพายุได้ ปีนี้เป็นปีแรกที่เปิดเกาะ และเหตุผลในการเปิดเกาะในช่วงหน้าฝนเป็นปีแรกก็ไม่น่าจะเพียงพอสำหรับที่นั่งระหว่างรอเรือจะต้องดูร้าง ๆ และไม่สะอาดนะ ว่าไม๊
กฎระเบียบในการนำอาหารและเครื่องดื่มขึ้นไปบนเกาะมันนอก ข้อมูลที่แจ้งใน Facebook คืออ่านแล้วห้ามทุกอย่างเลย และดูเข้มงวดมาก ๆ แล้วแบบนี้ใครจะกล้า เอ่อ!!! ก็ดีเหมือนกัน เพื่อความสะอาดและมีระเบียบวินัย ยอมซื้อกินบนเกาะแพงหน่อยก็ไม่เป็นไร
ระหว่างทางเดินไปขึ้นเรือ เราจะได้ขึ้นเรือประมงแบบที่เห็นตามเกาะเสม็ดทั่ว ๆ ไป
ใช้เวลา 45 นาที จากฝั่งถึงเกาะมันนอก ระหว่างทางที่นั่งเรือมาก็จะเห็นเกาะมันใน เกาะมันกลาง และจุดหมายปลายทางของเราถึงแล้วเกาะมันนอก แต่พอเรือใกล้จะถึงเกาะ เราจะต้องเปลี่ยนเป็นเรือเล็กอย่างที่เห็นในภาพ
บรรยากาศโดยรอบเกาะมันนอก รู้สึกสดชื่นหลังจากห่างหายจากอารมณ์ทะเลมานาน
ห้องที่จองมาคือ 7,800.-/คืน รวมอาหารเย็นในวันนั้น อาหารเช้า และอาหารกลางวันของอีกวัน จะสมเหตุสมผลมากถ้าห้องที่ได้ไม่ใช่ลักษณะเหมือนห้องคนไข้นอนรอเปลี่ยนอวัยวะอะไรซักอย่าง บรรยากาศและกลิ่นอับมากคล้ายกับโรงพยาบาลบางแห่งแบบนั้นเลย ภายในห้องนอนค่อนข้างเก่า ไม่มีหน้าต่างเลยซักบาน มีแต่ช่องแสง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการระบายกลิ่นอับให้หายไปได้ แถมมีเก้าอี้หวายตัวใหญ่ ๆ ซึ่งหนักเอาเรื่องอยู่ ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง เต็มไปด้วยฝุ่นที่หนาเตอะ และพวกเราก็เป็นภูมิแพ้หนักซะด้วย จะรอดไม๊ถ้าจะนอนที่นี่คืนนี้ เอาซะผู้ร่วมทางหายใจไม่ออก มึนหัวทันที เราทำหน้าที่สำรวจที่พักซะหน่อย เดินผ่านเตียง 6 ฟุต ไป 2 เตียง เปิดประตูเข้าไปก็จะได้เจอกับห้องน้ำที่กว้างใหญ่เท่าห้องนอน เดินขึ้นบันไดไปจะเจอห้องอาบน้ำและห้องน้ำของใครของมัน คงจะดีถ้าจะมาอยู่รวมกัน 2 ครอบครัวในห้องนี้
บริเวณหน้าห้อง เราสามารถสนิทสนมกับนกยูงได้เลย นกยูงอาจจะเป็นสัตว์ที่หาดูได้ไม่ง่ายเท่าไรนักถ้าไม่ได้ตั้งใจจะไปสวนสัตว์แล้วเห็น แต่สำหรับที่นี่แรก ๆ ก็ อุ๊ย!!! นกยูง นกยูง มาเดินเล่นถึงหน้าห้องแบบสนิทกับแขกที่มาพักมาก ๆ เลยนะ หลังจากเก็บข้าวของเสร็จก็เดินออกไปชื่นชมทะเล เพื่อจะไปนั่งเล่นตรงบริเวณส่วนกลาง โอ้โห !!! นกยูงเป็นฝูง ชักน่ากลัว เพราะมันก็ไม่กลัวเราเลย เดินสวนกันก็ไม่มีหลบ เราซิต้องหลบเจ้าถิ่น เค้าคงจะชินกับผู้คนมาก ๆ
บรรยากาศที่เกาะมันนอกดีมาก ๆ ทำให้อยากดื่มกาแฟเย็นขึ้นมาตะหงิด ๆ เกี่ยวกันไม๊ ก็แค่อยากดื่มกาแฟแกล้มบรรยากาศของทะเล เลยเดินไปที่เคาน์เตอร์ น้องคะพี่ขอคาปูชิโน่เย็นแก้วนึง น้องบอกไม่มีค่ะ คาปูชิโน่เย็นไม่มี เฮ้ย !!! ล้อเล่นน่า คาปูชิโน่เย็นเป็นเมนูธรรมด๊า ธรรมดา มาก ๆ เลยนะ อะ ไม่มีก็ไม่มี ลองมองหาอะไรก็ได้ที่พอจะเอามากินเล่น มองไปที่เคาน์เตอร์แล้วก็ถาม เอิ่ม!!! น้องคะแล้วพวกขนมขบเคี้ยวละคะ มีบ้างไม๊ “ไม่มีค่ะ” ห๊า !!!! คราวนี้งงหนัก อารมณ์นี้อยากกินขนมคบเคี้ยวมาก ๆ ห่อละร้อยก็เอา แถมให้ราคา +++ ก็จะยอมซื้อกินเลย เคยไม๊อยู่บ้านร้อยวันพันปีไม่ได้นึกอยาก แต่มักจะอยากตอนไม่มีให้กิน เลยถามน้องว่าแล้วทำไมถึงห้ามไม่ให้แขกที่มาพักเอาอะไรขึ้นมาเลยล่ะ พี่ งง มากกกกกถึงมากกกกกกที่สุด ก็ทางเกาะไม่ให้นำอะไรขึ้นมาบนเกาะซักอย่าง แสดงว่าบนนี้ต้องมีขาย น้องทำหน้างงยิ่งกว่า ใครห้ามคะ อ้าว!!!! ทีนี้คนที่งงที่สุดควรจะเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่พวกเรา อ้อ!!! เกือบลืมบอกไปว่าน้องเค้าเดินมาบอกทีหลังว่า คาปูชิโน่เย็นไม่มีค่ะ ทางเรามีแต่เนสกาแฟเย็นธรรมดา โถ!!!!!! ……………….. เอามาเถอะค่ะ บอกซะตั้งแต่แรกก็ได้ดื่มไปนานแล้ว
หลังจากที่พวกเราจองที่พักเรียบร้อย ทางที่พักได้ส่งรายละเอียดและกฎระเบียบมาให้ทาง Facebook และ Email ว่าไม่ให้นำอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดขึ้นมาบนเกาะมันนอกนี้ ถ้าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์จะคิดค่าเปิดขวด 500.- และค่าอื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าฝืนกฎ แถมเราก็ยังไปตั้งใจยืนอ่านกฎระเบียบที่ติดบอกไว้บนฝั่ง เราเองก็เคร่งครัดรักษาวินัยอย่างดี ให้ความร่วมมือทุกประการ
ก็เลยมีการ in box ถามล่ะซิคราวนี้ ว่าทำไมตอนพวกเราจองเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่ส่งกฎระเบียบมากมายมาเพื่อให้ลูกค้าปฏิบัติตาม แต่หลังจากข้ามมาที่เกาะแล้ว คำตอบที่ได้ใน in box คือ “โดยปกติทางเกาะจะขอความร่วมมือจากคุณลูกค้า เพื่อที่จะไม่นำน้ำและอาหารขึ้นเกาะ แต่ด้วยทางเราไม่ได้มีมาตรการเข้มงวดในการตรวจเช็ค เนื่องจากทางเกาะไม่ต้องการล่วงเกินความเป็นส่วนตัวของคุณลูกค้า และอีกประการหนึ่งทางเราต้องการลดปัญหาขยะบนเกาะมาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความเป็นธรรมชาติไว้ให้ได้มากที่สุด ต้องขอโทษคุณลูกค้าอย่างสูงนะคะในความไม่สะดวกนี้ค่ะ”
หลังจากอ่านข้อความใน in box ทั้งหมดแล้ว เอ่อ !!! จะให้คุณลูกค้าอ่านและเข้าใจความหมายทั้งหมดนี้ว่ายังไงดี อยากจะพูดคำว่าขอโทษจริงจริ๊งกับเจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่พวกพี่เข้าใจและเคร่งครัดในระเบียบวินัยเกินไปเอง ก็เป็นกันซะอย่างนี้อะนะ
บรรยากาศของทะเลที่เกาะมันนอกช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เสียบรรยากาศคือเบาะ ใช่แล้วมันคือเบาะ จริง ๆ แล้วบางสิ่งบางอย่างเพียงนิดเดียวเท่านั้น สมมติว่าลองเปลี่ยนจากเบาะที่หุ้มด้วยผ้ามาเป็นเบาะที่หุ้มด้วยหนังเทียมจะดีกว่าไม๊ ยามที่แขกลงไปเล่นน้ำแล้วกลับขึ้นมานอนพัก นั่งพักชิล ๆ ตามประสาคนมาพักผ่อน เมื่อเบาะที่หุ้มด้วยผ้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำทะเล สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะเป็นคราบน้ำที่ฝังแน่นลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่างโชคดีจริง ๆ สำหรับแขกที่ได้ใช้บริการเบาะที่นี่เป็นคนแรก ๆ
บรรยากาศโดยรอบของเกาะสวยงามมาก ๆ
นี่คือเบาะที่บริเวณหน้าห้องพักแบบครอบครัว (ห้อง B3) มีสภาพไม่แตกต่างอะไรกับเบาะที่นั่งเล่นชิล ๆ ตรงชายหาด พวกเราเดินกลับมาที่พักหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ทางเกาะได้ย้ายเก้าอี้หวายตัวใหญ่โคตรออกให้แล้ว แต่กลิ่นอับภายในห้องก็ยังคงอบอวลอย่างหนาแน่นแบบไม่ไหวจริง ๆ จนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ผ่านทาง in box ว่า กลิ่นมันรุนแรงมากจริง ๆ
เย้ ๆๆๆๆๆ นี่คือห้องนอนใหม่ (ห้อง Q2) ที่พวกเราพร่ำพรรณาบรรยายถึงสภาพและกลิ่นอับอันรุนแรงให้เจ้าหน้าที่ฟังถึงจะได้มา เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ทางกรุงเทพฯ และเจ้าหน้าที่ทางเกาะน่าจะมีการพูดคุยกัน และหลังจากนั้นทางน้องเจ้าหน้าที่ผู้หญิงชาวฟิลิปปินส์เลยเดินมาเสนอห้องใหม่ให้พวกเรา ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่เกาะมันนอกมา ณ ที่นี้ด้วย
หลังจากได้เปลี่ยนห้องเจ้าหน้าที่ย้ายสัมภาระให้พวกเราเรียบร้อย ก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดิบพอดี บวกกับเริ่มมีความสบายใจขึ้นมาละสำหรับการนอนพักผ่อนคืนนี้ เดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเพื่อจะไปยังลานเพื่อรับประทานอาหารเย็น เอาซะหัวใจเกือบวาย เพราะก่อนหน้านี้ฝนเพิ่งตกและหยุดไปได้ซักแป๊ป ยังมีร่องรอยของหยดน้ำเต็มต้นไม้และใบไม้ให้ดูเป็นหลักฐานอยู่เลย อาจจะทำให้กิ่งก้านของต้นไม้ที่เริ่มจะโรยราและได้ร่วงหล่นหลุดออกจากต้น ตกลงหลังจากเท้าเราได้ก้าวพ้นต้นไม้ต้นนั้นมาประมาณ 3 ก้าว ลองนึกภาพของกิ่งก้านต้นไม้ที่มีลำต้นใหญ่พอสมควรร่วงลงมากระทบพื้นไม้ในบรรยากาศที่ฝนเพิ่งจะหายพรำไปได้สักครู่นี่เอง และเป็นเวลาโพล้เพล้ แอบอุทานออกมาไม่ค่อยเสนาะหูเท่าไรนัก ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าไก่งวง (ถ้าจำไม่ผิด) เกาะอยู่บนราวไม้แบบนั้น ลองนึกเล่น ๆ ถึงบรรยากาศที่ว่ามา น่าขนลุกขนพองขนาดไหน จะว่าไปก็ยังโชคดีที่ไม่ตกใส่หัว ไม่งั้นมีหวังได้เห็นดาวเต็มฟ้าในขณะที่ท้องฟ้าอึมครึมแน่ ๆ
บรรยากาศในการรับประทานอาหารเย็น โชคดีมากที่ฝนได้ตกไปก่อนหน้านี้แล้ว อากาศเลยเย็นสบาย
ชุดอาหารเย็นที่รวมอยู่ในค่าที่พัก บอกเลยรสชาติอาหารอร่อยสมกับการนั่งรับประทานภายใต้บรรยากาศยามเย็นแบบนี้ หลับสบายแล้วเราคืนนี้
Day 3
ตื่นมาพร้อมกับความเย็นของบรรยากาศภายในบวกภายนอกห้อง เพราะเมื่อคืนฝนตกหนักมากจนเกือบจะถึงเช้า บรรยากาศแบบนี้การนอนหลับพักผ่อนถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด (ถ้าเลือกได้) และเนื่องจากสถานที่นี้เป็นเกาะ เค้าจึงมีเวลาปิด-เปิดไฟตั้งแต่ 9 โมงเช้า-บ่ายโมงตรง เอาง่าย ๆ หมดสิทธิ์นอนต้องออกไปรับประทาน Breakfast ทางเลือกเดียวเท่านั้น เอาเป็นว่า 9 โมงเช้าปุ๊ปไฟตัดปั๊ป แต่ห้องน้ำมีให้ใช้ปกติ
Breakfast ที่นี่ให้เวลา 8:30-10:00 am. โชคดีจริง ๆ ที่ตัดไฟตอน 9 โมงเช้า ทำให้เราต้องลุกออกมารับประทานอย่างเสียไม่ได้ (ก็พูดซะน่าเกลียด) ลองนึกภาพบรรยากาศภายนอกที่กลางคืนฝนตกหนักจนเกือบถึงเช้าว่าอากาศจะดีขนาดไหน ส่วนภายในห้องแอร์ก็เย็นกำลังสบายเชียว เพราะถ้าไม่ตัดไฟเราอาจเลือกที่จะนอนต่อและสละสิทธิ์มื้อเช้าไป เกือบตัดสินใจผิดพลาดซะแล้วเรา อาหารที่นี่ไม่เพียงแต่หน้าตาดูดีแถมรสชาติก็อร่อย เอาเป็นว่ากินอิ่มกำลังดี (เพราะกินไม่หมด) ถึงขั้นพร้อมนอนต่อได้ถ้าไม่ติดว่าต้อง Check out ช้าสุดเค้าให้ถึงเที่ยง และเรือจะออกตอนบ่าย 3 มีแค่เที่ยวเดียวเท่านั้น จึงตัดสินใจรีบกลับไปอาบน้ำเตรียมตัวเก็บข้าวของให้พร้อมจะดีกว่า และเดี๋ยวเวลา 12:30-2 pm. เสริฟมื้อเที่ยงอีกแล้วจร้า จะย่อยทันไม๊พวกเรา
หลังจากอาบน้ำเสร็จพร้อมเดินทางก็ไม่รู้จะไปไหนต่อดีระหว่างต้องรอเรือออกบ่าย 3 โมง ไม่พ้นพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ทำสารพัดกิจกรรมจะรวมตัวกันอยู่ตรงนี้ทั้งหมด เราเลยนั่งอ่านหนังสือไปพราง ๆ รอมื้อเที่ยง (ไม่ได้เห็นแก่กินนะ) เพียงแต่ว่าถ้าพลาดมื้อนี้ไปแล้ว กว่าจะได้กินอีกที ทันใดนั้นเองหัวก็เริ่มคำนวณเวลา เรือออกก็บ่าย 3 แล้ว ใช้เวลาอีก 45 นาทีในการกลับเข้าฝั่ง กว่าจะขับรถกลับเข้ากรุงเทพฯ อีก น่าจะประมาณค่ำ ๆ โน่น โอ๊ย!!! ไม่ได้ ๆ กองทัพเดินด้วยท้อง
เจ้าหน้าที่บนเกาะนี้จะเป็นชาวฟิลิปปินส์ 2 คน เป็นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน เป็นชาวอินเดีย 1 คน และน้องวิทย์เป็นชาวกัมพูชาอีก 1 คน นอกนั้นน่าจะเป็นคนไทยมั๊ง เพราะไม่ได้พูดคุยกันเลยนอกจากน้อง ๆ เหล่านี้ ระหว่างนั่งรอเวลาและอ่านหนังสือไปพราง ๆ น้องผู้หญิงที่เป็นชาวฟิลิปปินส์เดินมาเสริฟ Waffle ให้พวกเรา เรารีบปฏิเสธทันทีเปล่านะผิดโต๊ะแล้วคะ พวกเราไม่ได้สั่งไป มื้อเช้ายังคงค้างอยู่เต็มกระเพาะ แถมนี่ก็ใกล้เวลามื้อเที่ยงเต็มที น้องเค้าก็รีบบอกทันทีเช่นกัน ถูกโต๊ะแล้วค่ะ นี่เป็น Complimentary จากทางเกาะเราค่ะ แต่หันไปดูโต๊ะอื่นทำไมถึงไม่ได้เหมือนโต๊ะพวกเราล่ะ เอ๊ะ!!! มันยังไงกัน พวกเราเริ่มนั่งคุยกันเองเงียบ ๆ ว่าเพราะอะไร
ก่อนหน้านี้น้องวิทย์ที่เป็นชาวกัมพูชาซึ่งพูดไทยเก่งและบริการดีมาก เดินเข้ามาถามมาพูดคุยด้วยทุกครั้งที่เห็นพวกเราเกี่ยวกับห้องพักและเรื่องที่ไม่ให้เอาอาหารและขนมขึ้นมาบนเกาะนี้ อธิบายที่มาที่ไปต่าง ๆ เกี่ยวกับกฎระเบียบ ซึ่งเราก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว ก็ได้แต่เอามือตบบ่าปลอบน้องวิทย์ไป “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เป็นความผิดพลาดจากการเคารพกฏอย่างเคร่งครัดของพวกเราเองแหล่ะ” น้องวิทย์อยู่เมืองไทยมาได้ 3 ปี แต่เพิ่งมาอยู่เกาะนี้น่าจะประมาณ 3 เดือน ถ้าจำไม่ผิด เอาเป็นว่าน่าจะฟังเข้าใจว่า อีนี่ประชดแหง
มื้อเที่ยงก็เวียนมาถึง จากประสบการณ์มื้อเย็นเมื่อวานนี้เยอะจนกินไม่หมด เลยต้องบอกน้องวิทย์เอาจานมาแบ่งไปหน่อยซิเสียดายของ คือมันเหลือเห็น ๆ น้องวิทย์ก็เดินไปหยิบจานให้และกล่าวขอบคุณ
จากที่เคยเห็นนกยูงแล้วตื่นเต้น ความรู้สึกนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกกลัวเวลาเห็นอะไรที่เยอะมาก ๆ ที่สำคัญเจ้าถิ่นเค้าไม่หลบด้วย และยิ่งกว่านั้นหลังจากที่พวกนกยูงบางตัวบินไปบ้าง บางตัวเดินเล่นไปบ้านถัดไปบ้าง สิ่งที่พวกนกยูงทั้งหลายทิ้งไว้คือ ขี้ ถูกต้องเค้าขี้ทิ้งไว้เป็นหย่อม ๆ บนบ้าน บนราวจับ จนนั่งไม่ได้ ขึ้นไปถึงกับเซ็งเล็กน้อย ลงมาเดินเล่นข้างล่างดีกว่า
เดินเล่นชมวิวบ้าง กลับมานั่งอ่านหนังสือบ้าง จนได้เวลาบ่าย 3 เรือออกพอดี น้องวิทย์รีบเดินมาช่วยถือกระเป๋าให้เรา พี่ ๆ ผมช่วย ได้เลยค่ะวิทย์ ขอบคุณมากค่ะ โห !!!! พี่ มันหนักเหมือนกันนะนี่ เล่นซะน้องวิทย์ตัวเอียงไปข้างเลย คือน้องคงไม่คาดคิดว่าของพี่จะหนักขนาดนี้ (ไม่งั้นพี่จะรีบยื่นเหรอ 555) ว่าแต่ช่วยพี่หิ้วจนถึงรถเลยได้ป่ะ (ไม่ได้พูดไปหรอก คิดเล่น ๆ )
บางครั้งถ้าเรารู้ข้อผิดพลาดและรีบแก้ไขปรับปรุงข้อผิดพลาดนั้นให้เร็วได้ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีมาก ด้วยบรรยากาศของเกาะมันนอกไม่ว่าจะเช้า กลางวัน เย็น สวยงามเสมอ น้ำทะเลที่ใส ใสจริง ๆ เจ้าหน้าที่ทางเกาะก็น่ารักทุกคน ย่อมทำให้ใคร ๆ ก็อยากจะมาพักผ่อนที่แห่งนี้ทั้งนั้น อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง และนอกเหนือจากอากาศที่บริสุทธิ์แล้ว ลูกค้าก็ยังต้องการความสะอาดและบรรยากาศที่ดีภายในห้องพักด้วย ความสะอาดถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ กฎเกณฑ์ที่ทางเกาะตั้งขึ้นมา อย่าเป็นเพียงแค่ให้แขกที่มาพักรู้สึกว่า “กฎมีไว้แหก” เหมือนที่เคยพูด ๆ กันมา
ถ้าเราปลูกมะนาว เราก็จะได้ผลของมะนาว ถ้าเราปลูกส้ม เราก็จะได้ผลของส้ม ฉันใดก็ฉันนั้น
M i E คนอยากเล่า (สิงหาคม 2559)