ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่ชื่อว่า Horned Moons & Savage Santas ซึ่งเป็นหนังสือรวมเล่มบทความชีวิตกลางแจ้งจากนิตยสารในดวงใจภาคภาษาอังกฤษของผมที่ชื่อ Sporting Classic

หนังสือเล่มนี้เยี่ยมมากครับ ทุกเรื่องล้วนแต่เต็มไปด้วยรสชาติและลึกซึ้งไปด้วยความหมาย แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมอ่านแล้วประทับใจจนอยากจะเอามาให้อ่านทั่วๆกัน จึงแปลมาให้อ่านกันเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับสมาชิก ThailandOutdoor Netzine ทุกท่านครับ
บทความเรื่องนี้ชื่อ Christmas Rifle ของนักเขียนนิรนามท่านหนึ่ง
ลองอ่านดูนะครับ
พ่อไม่เคยเห็นใจ คนเกียจคร้าน หรือคนสุรุ่ยสุร่าย และคนที่ไม่เคยพอกับสิ่งที่จำเป็น แต่สำหรับคนที่ต้องการและจำเป็นจริงๆแล้ว หัวใจของพ่อเปิดกว้างราวกับกลางแจ้ง บทเรียนอย่างหนึ่งที่ผมได้รับพ่อก็คือความสุขที่สุดของชีวิตนั้นแท้จริงแล้วนั้นมาจากการให้มากกว่าการรับ
วันนั้นเป็นวันก่อนคริสมาสของปี 1881 ผมอายุ 15 และผมรู้สึกว่าโลกนี้ช่างแสนหดหู่เพราะครอบครัวเราไม่มีเงินพอที่จะซื้อปืนยาวที่ผมอยากได้เป็นของขวัญคริสมาสอย่างแทบเป็นแทบตาย
เราทำงานทุกอย่างเสร็จตั้งแต่เย็น ผมคิดว่าพ่อคงอยากมีเวลาว่างที่จะอ่านไบเบิ้ลร่วมกัน หลังจากอาหารค่ำ ผมถอดรองเท้าบู๊ทแล้วนอนเหยียดยาวอยู่หน้าเตาผิง รอให้พ่อหอบไบเบิ้ลเล่มเก่าลงมา จริงๆแล้วผมก็นอนเสียใจอยู่เงียบๆเรื่องปืนยาว และไม่มีอารมณ์ที่จะอ่านคำสั่งสอนอะไรอีกในตอนนั้น แต่ด้วยความแปลกใจ พ่อไม่ได้ลงมาพร้อมกับไบเบิ้ลแต่กลับแต่งตัวเตรียมที่จะออกจากบ้านอีกครั้ง ทั้งๆที่เราก็จัดการธุระเรียบร้อยไปหมดแล้ว
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจกับเรื่องนั้นนานนัก เพราะผมกำลังมัวสงสารโชคชะตาของตัวเองอยู่ ไม่นานนักพ่อก็กลับเข้ามาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคืนที่หนาวเย็นเพราะผมสังเกตเห็นน้ำแข็งเกาะอยู่ที่เคราพ่อ
“แม็ท มากับพ่อซิ แต่งตัวให้แน่นหนาหน่อย คืนนี้ข้างนอกหนาวมาก”
และนั่นก็ทำให้ผมหัวเสียมากๆ นอกจากที่ผมจะไม่ได้ปืนยาวเป็นของขวัญแล้ว พ่อยังจะลากผมออกไปในค่ำคืนที่แสนหนาวเย็นโดยที่ไม่มีเหตุผล เราได้ทำทุกอย่างจนเรียบร้อยสำหรับวันนั้นแล้ว ผมนึกไม่ออกจริงๆว่ายังมีอะไรที่เราจะต้องออกไปทำอีก โดยเฉพาะในค่ำคืนเช่นนี้ แต่ผมก็รู้ว่าพ่อไม่ค่อยมีความอดทนกับคนที่อ้อยอิ่งเวลาที่เขาบอกให้ทำอะไรสักอย่าง ผมก็ได้แต่สวมบู๊ท สวมหมวก และเสื้อโค๊ทแล้วตามพ่อออกไป
แม่ยิ้มให้ผมอย่างมีเลศนัยในตอนที่ผมเปิดประตูออกนอกบ้าน ต้องมีอะไรสักอย่าง แต่ผมนึกไม่ออกจริงๆในตอนนั้น
เมื่อเดินออกมาข้างนอกผมก็ยิ่งท้อแท้ เลื่อนใหญ่เทียมม้าหลายตัวจอดอยู่หน้าบ้าน เห็นอย่างนี้ผมก็พอจะบอกได้แล้วอะไรก็ตามที่เรากำลังจะทำนั้นไม่ง่ายและรวดเร็วแน่ เราไม่ใช้เลื่อนยกเว้นแต่เวลาที่เราจะขนย้ายอะไรที่หนักหนาจริงๆ พ่อขึ้นไปนั่งพร้อมด้วยบังเหียนในมือ ผมปีนไปนั่งอย่างลังเลข้างๆพ่อ แค่นี้ความหนาวก็ทรมานผมพอแล้ว และผมก็ยิ่งอารมณ์เสียไปใหญ่
พ่อขับเลื่อนอ้อมไปจอดที่หน้าโรงเก็บฟืน พ่อโดดลงโดยที่มีผมตามลงไป
“พ่อคิดว่าเราน่าจะเอาขอบอันสูงใส่กับเลื่อนนะ มาช่วยกันดีกว่า”
ขอบอันสูง! งานช้างล่ะทีนี้
ผมแค่อยากจะใช้ขอบอันเตี้ย แต่เมื่อพ่อใส่ขอบเลื่อนอันสูง มันก็หมายความว่าสิ่งที่เราจะทำจะต้องเป็นงานใหญ่มากเลยทีเดียว
หลังจากที่เราเปลี่ยนขอบเลื่อน พ่อก็เข้าไปในโรงฟืนแล้วกลับออกมาด้วยไม้ฟืนเท่าที่จะหอบได้ ไม้ฟืนที่ผมใช้เวลาตลอดหน้าร้อนลากลงมาจากเขา เลื่อยเป็นท่อนๆ แล้วออกแรงผ่าด้วยขวานที่ละอัน พ่อจะทำอะไรนี่ ในที่สุกผมก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“พ่อจะทำอะไรครับนี่”
“ลูกเคยผ่านไปทางบ้านคุณเจนเซ่นบ้างมั๊ย” คุณเจนเซ่นที่พ่อพูดถึงเป็นหญิงที่อยู่ห่างไปสักสองไมล์ สามีเธอเสียชีวิตไปเมื่อสักปีมาแล้ว ทิ้งให้เธออยู่กับลูกสามคน โดยที่ลูกคนโตอายุแค่แปดขวบ
แน่ล่ะผมเคยผ่านไปทางนั้นแต่มันเกี่ยวอะไร “ครับ แล้วทำไมล่ะพ่อ”
“พ่อขี่ม้าผ่านไปวันนี้ เจ้าหนูน้อยแจ๊กกี้กำลังออกมาเดินควานหาเศษไม้อยู่ แม็ท พวกเขาไม่มีไม้ฟืนใช้เลย”
พอ่พูดแค่นั้นแล้วก็หันกลับเข้าไปในโรงฟืนและกลับมาพร้อมกับไม้ฟืนอีกหนึ่งหอบใหญ่ ผมทำตามพ่อ เราขนฟืนใส่เลื่อนจนเต็ม จนผมสงสัยว่าม้าจะลากไปไหวหรือ
พ่อบอกว่าพอแล้ว และเดินเข้าไปที่ตู้อบรมควัน พ่อหยิบขาหมูรมควันและเบคอนชิ้นใหญ่ลงมาส่งให้ผมเอาไปรอที่เลื่อน เมื่อกลับมา พ่อแบกแป้งกระสอบใหญ่และหิ้วกระสอบอีกใบมาในมือซ้าย
“พ่อครับ มีอะไรอยู่ในกระสอบใบเล็กครับ”
“รองเท้า พวกเขาไม่มีรองเท้าใส่กันเลย พ่อเห็นเจ้าหนูแจ๊กกี้เอากระสอบป่านมาพันเท้าตอนที่เดินหาเศษไม้ พ่อมีขนมหวานมานิดหน่อยด้วย มันจะเป็นวันคริสมาสได้อย่างไรถ้าไม่มีขนมหวาน”
เรานั่งเลื่อนไปบ้านคุณเจนเซ่นโดยไม่ได้พูดกันสักคำ ขณะที่ผมพยายามจะเข้าใจว่าพ่อพยายามจะทำอะไร เราไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยหรือมีอะไรมากมายเลย แม้เราจะมีฟืนกองโตแต่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้ถูกเลื่อยและผ่าให้อยู่ในสภาพมี่ใช้ได้ เราอาจจะมีแป้งและเนื้อพอแบ่งปัน แต่เราไม่ได้มีเงินเลยแล้วทำไมพ่อถึงจะต้องซื้อรองเท้าและขนมหวานไปให้ ผมสงสัยจริงๆว่าทำไมพ่อต้องทำอย่างนี้ คุณเจนเซ่นก็มีเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กว่าเรา ทำไมเราจะต้องสนใจด้วย
เราจอดเลื่อนที่หลังบ้านคุณเจนเซ่นแล้วขนไม้ลงให้เงียบที่สุด และขนเนื้อ,แป้ง และรองเท้าไปที่ประตูหน้า พ่อเคาะประตู ประตูบ้านแง้มเปิดพร้อมกับเสียงกลัวๆ “นั่นใครน่ะ”
“ผมลูคัส ไมล์ และแม็ทลูกชายผมครับคุณนาย เราเข้าไปได้มั๊ยครับ”
คุณเจนเซ่นเปิดประตูให้เราเข้าไป เธอมีผ้าห่มห่อตัวอยู่ เด็กๆห่อตัวด้วยผ้าห่มผืนเดียวกันหน้าเตาผิงที่มีกองไฟเพียงริบหรี่ที่แทบจะไม่ได้ให้ความอบอุ่นใดๆทั้งสิ้น คุณเจนเซ่นมะงุมมะงาหรากับไม้ขีดอยู่พักใหญ่และก็จุดตะเกียงขึ้นมาได้ในที่สุด
“เราเอาของมาให้คุณหลายอย่างครับ คุณนาย” พ่อพูดพร้อมกับวางกระสอบแป้งลง ผมวางเนื้อลงบนโต๊ะ จากนั้นพ่อก็ส่งกระสอบใบเล็กที่มีรองเท้าให้เธอ คุณเจนเซ่นเปิดกระสอบอย่างลังเลและหยิบรองเท้าออกมาทีละคู่ ในกระสอบนั้นมีรองเท้าสำหรับเธอและเด็กๆคนละคู่ ทั้งหมดเป็นรองเท้าอย่างดีที่สุด แข็งแรงและทนทานนานปี
ผมเฝ้ามองเธอตลอดเวลานั้น เธอกัดริมฝีปากล่างไว้เน้นเพื่อไม่ให้มันสั่น น้ำตาเธอคลอเบ้า และในที่สุดมันก็ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง เธอเงยหน้ามองดูพ่อผมเหมือนกับว่าเธอต้องการพูดอะไรสักอย่างแต่พูดไม่ออก
“เราเอาไม้ฟืนมาให้ด้วยครับ” พ่อพูด “แม็ท ไปเอาไม้ฟืนมาให้พอใช้ในบ้านนะ เราจะได้ก่อไฟให้บ้านอุ่นขึ้น”
ผมไม่ใช่แม็ทคนเดิมเมื่อผมเดินออกไปขนไม้ฟืน ผมรู้สึกเหมือนอะไรมาตันอยู่ที่คอหอย แม้ไม่อยากจะยอมรับแต่ผมก็เต็มไปด้วยน้ำตา ในความคิดผมมองเห็นแต่ภาพเด็กสามคนซุกตัวอยู่หน้าเตาผิง โดยที่แม่ของพวกเขายืนอยู่ด้วยน้ำตานองหน้าและตื้นตันจนพูดไม่ออก หัวใจผมพองโต และความสุขที่ผมไม่เคยได้รู้จักมาก่อนท่วมท้นความคิดและจิตวิญาณ ผมเคยได้ให้ในวันคริสมาสมาก่อน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่การให้สร้างความหมายและความแตกต่างได้เช่นนี้ ผมเห็ได้เลยว่าเราได้ช่วยชีวิตของพวกเขาไว้
ไม่นานนักผมก็ก่อกองไฟที่โชติช่วงและมันก็ทำให้ทุกคนมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เด็กเริ่มหัวเราะได้เมื่อพ่อส่งลูกกวาดให้ คุณเจนเซ่นมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มที่เธออาจจะไม่เคยมีมาแสนนาน
ในที่สุดเธอก็หันมาที่เรา “ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพวกคุณ ฉันรู้ว่าพระองค์ได้ส่งพวกคุณมา ฉันและเด็กได้เฝ้าสวดอ้อนวอนพระเจ้าขอให้ส่งเทพมาช่วยเรา”
เหมือนอะไรมาตันคอหอยอีกครั้งและน้ำตาคลอเบ้า ผมไม่เคยนึกถึงพ่อแบบนั้นมาก่อน แต่หลังจากที่คุณเจนเซ่นพูดออกมา ผมก็เร่ิมเห็นว่ามันน่าจะเป็นจริงแบบนั้น
ผมมั่นใจเลยว่าไม่เคยมีคนที่ดีกว่าพ่อบนโลกใบนี้ ผมเริ่มที่จะนึกถึงเวลาที่พ่อตั้งใจทุ่มเทและเหนื่อยยากที่จะทำให้แม่กับผม และคนอื่นๆอีกมากมาย เรื่องราวเหล่านั้นตามกันมาเป็นสายและไม่จบสิ้น
พ่อคะยั้นคะยอให้ทุกคนลองรองเท้าก่อนที่เราจะกลับ ผมต้องแปลกใจอีกครั้งที่ทุกคู่พ่อดีกับเท้าแต่ละคนอย่างไม่น่าเชื่อ ผมสงสัยจริงๆว่าพ่อกะขนาดรองเท้าถูกได้อย่างไร ผมได้แต่เชื่อว่าเมื่อพ่อมาจัดการธุระให้พระเจ้า ท่านก็คงจะช่วยจัดเรื่องขนาดรองเท้าให้
น้ำตาไหลนองหน้าคุณเจนเซ่นอีกครั้ง เมื่อเราลุกขึ้นและบอกลา
พ่อสวมกอดเด็กๆที่ละคนในวงแขนของเขา เด็กๆกอดพ่อแน่นและไม่อยากให้เราจากไป ผมเข้าใจได้ว่าพวกเขาคงจะคิดถึงพ่อของพวกเขามาก และผมก็ดีใจที่ผมยังมีพ่อของผมอยู่
ที่หน้าประตู พ่อหันมาพูดกับคุณเจนเซ่น “ภรรยาผม อยากจะให้ผมเชิญคุณนายและเด็กๆ ไปร่วมทานอาหารวันคริสมาสกับเราในคืนพรุ่งนี้ ไก่งวงนั้นตัวใหญ่เกินกว่าที่เราสามคนจะกินได้ และผู้ชายจะเกิดอารมณ์โกรธได้ง่ายหากเขาจะต้องกินไก่งวงติดๆกันหลายมื้อ เราจะมารับในราวสิบเอ็ดโมง มันคงดีมากที่เราจะมีเด็กเล็กในบ้านอีกครั้ง เจ้าแม็ทลูกชายผมนี่ไม่ได้ตัวเล็กมานานมากแล้ว”
คุณเจนเซ่นพยักหน้ารับคำ “ขอบคุณอีกครั้งค่ะคุณไมล์ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณ และฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะต้องทำเช่นนั้น”
บนเลื่อนในขากลับ ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นที่มาจากข้างใน ผมไม่ได้แม้แต่รู้สึกถึงอากาศที่หนาวเย็นอีกต่อไป เมื่อเราออกมาสักพักหนึ่ง พ่อก็หันมาพูดกับผม
“พ่ออยากจะบอกอะไรให้ลูกรู้สักอย่าง”
“พ่อกับแม่ได้พยายามเก็บเงินทีละเล็กทีละน้อยมาตลอดปีเพื่อที่จะซื้อปืนยาวให้ลูก และพ่อก็เข้าไปในเมืองเช้านี้เพื่อจะไปซื้อปืน แต่ระหว่างทางพ่อเห็นเด็กน้อยแจ๊กกี้เดินหาเศษไม้โดยมีกระสอบป่านห่อเท้าอยู่ ทำให้พ่อคิดว่าพ่อจะต้องทำอะไร และพ่อก็ใช้เงินที่มีอยู่ไปกับรองเท้าและขนมหวานให้เด็กๆนั้น พ่อหวังว่าลุกจะเข้าใจนะ”
ผมเข้าใจและตาผมก็ชุ่มชื้นไปอีกครั้ง ผมเข้าใจดีและดีใจที่พ่อทำไปอย่างนั้น ในตอนนี้ปืนยาวดูเหมือนจะมีความสำคัญน้อยมากสำหรับผม พ่อได้ให้ผมยิ่งกว่านั้นมากมายนัก พ่อได้ให้ความหมายจากใบหน้าของคุณเจนเซ่นและรอยยิ้มอันสดใสของเด็กๆ ตลอดชีวิตต่อมาเมื่อผมได้เห็นสมาชิกในครอบครัวเจนเซ่นหรือเพียงท่อนไม้ฟืน ความทรงจำนั้นก็กลับมาพร้อมกับความสุขที่ผมรู้สึกเมื่อนั่งเลื่อนกลับมากับพ่อในค่ำคืนนั้น พ่อได้ให้ผมมากกว่าปืนยาวในคืนนั้น พ่อได้ให้คริสมาสที่ดีที่สุดในชีวิตผม
แปลโดย ตาเกิ้น
ขอส่งความสุขปีใหม่นี้ให้กับผู้อ่านทุกท่านด้วยบทความที่งดงามนี้
หวังว่ามันจะช่วยให้ท่านมีความสุขกับการให้ เพราะคนที่ขาดแคลนขัดสนที่เราจะพอช่วยเหลือได้ยังมีอีกมากครับ และเมื่อนั้นความทุกข์จากความอยากได้อยากมีของเราก็อาจจะคลายลง
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการใช้ชีวิตกลางแจ้งในปีใหม่นี้และตลอดไป
สวัสดีปีใหม่ครับ
จาก ทีมงาน ThailandOutdoor Netzine