เราไม่ได้ยินคำว่าสุนทรียภาพกันมานาน อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นคำโบราณล้าสมัยเกินไปแล้ว หรือว่าในยุคนี้เราอาจจะห่างไกลจากความรู้สึกของ “สุนทรียภาพ” กันแน่ครับ
ผมอ่านหนังสือหลายเล่มที่ใช้คำว่า “Aesthetic” ในภาษาอังกฤษ ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของคำว่าสุนทรีภาพ อ่านเจอในหลายๆที่เข้าก็เริ่มรู้สึกว่าคำนี้มีความหมายลึกซึ้งมากกว่า “ความงาม” ที่เราจะสามารถเห็นได้ด้วยดวงตา หรือฟังได้ด้วยหูเพียงอย่างเดียวมากนัก
คำว่า Aesthetic มีรากศัพท์ มาจากภาษากรีกอีกทีหนึ่ง αἰσθητικός (aisthētikós) ที่มีความหมายที่มีการตีความจากศิลปินหลายคน แต่ถ้าจะให้แปลแบบง่ายในภาษาของผมก็คงเขียนได้ว่า การรับรู้ถึงสิ่งที่ดีที่งามผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ จนเกิดอารมณ์และความรู้สึกลึกๆข้างในตัวเรา
ในยุคหนึ่งคำว่าสุนทรียภาพถูกนำไปใช้เชื่อมโยงกับของราคาแพง เช่นรถยนต์หรู, เหล้าราคาแพง, บ้านหลังใหญ่โต ฯ จนกลายเป็นความรู้สึกของคนทั่วไปที่ติดมากับคำนี้
แต่ไม่ใช่เลย Aesthetic หรือ สุนทรียภาพไม่ได้เกี่ยวข้องกับราคา ไม่ใช่ว่าคนรวยๆถึงจะมีสุนทรียภาพได้ แต่หากความรู้สึกนี้อาจจะผูกพันกับ “คุณภาพ”
มันไม่จำเป็นว่าการขับรถหรูไปกินอาหารราคาแพงในโรงแรม 5 ดาวจะทำให้เกิดสุนทรียภาพ แต่สำหรับบางคนการเพียงได้สูดอากาศรับกลิ่นป่าที่สดชื่น ท่ามกลางเสียงของธรรมชาติ เห็นภาพป่าเขียวขจีในแสงที่งดงามยามเช้า ริมแม่น้ำกลางป่าใหญ่อันพิสุทธิ์ปราศจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ก็อาจจะเป็นสุนทรียภาพที่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินสักบาทเดียวเพื่อจะนั่งอยู่ตรงนั้น
ขอเพียงเราสงบใจและเปิดประสาทสัมผัสรับความงดงามทั้งหลายนั้นให้เข้ามาสู่ภายใน
ด้วยชีวิตที่รวดเร็วและเร่งรีบของคนยุคดิจิตอลและโลกของโซเชี่ยลมีเดีย ดูเหมือนว่าผู้คนส่วนใหญ่จะ “มีโอกาส” เข้าถึงความงามได้ง่ายขึ้นแต่จะรู้จักกับคำว่าสุนทรียภาพน้อยลงและมีโอกาสได้สัมผัสกับมันได้ยากขึ้น
ทุกวันนี้เราสามารถเลือกฟังเพลงจากทุกยุคทุกสมัยและจากทุกมุมโลกได้เพียงปลายนิ้วกดเลือก เครื่องเสียงที่สมัยก่อนเคยแพงเกินเอื้อมของคนทั่วไปก็มีให้เลือกหากันสำหรับทุกคน แต่ลองถามตัวคุณดูนะครับว่า เมื่อไหร่คือครั้งสุดท้ายที่ได้นั่งฟังเพลงที่คุณคิดว่าเพราะจับใจได้ตลอดเพลง โดยที่จิตไม่หลุดไปคิดเรื่องอื่น, ขยับตัวไปทำอย่างอื่น หรือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
ในปัจจุบัน ยุคที่ใครๆก็มีกล้องถ่ายภาพอยู่ในโทรศัพท์มือถือและพรั่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยี่การถ่ายภาพที่แทบจะเกินความฝันของคนยุคก่อน ในโลกยุคนี้จึงมีภาพสวยๆเกิดขึ้นมากมาย ในวันหนึ่งอาจจะมีภาพผ่านตาเรานับพัน แต่เมื่อไหร่คือครั้งล่าสุดที่คุณได้นั่งพินิจความงามของภาพสักภาพหนึ่งให้ลึกซึ้งจนเกิดความชื่นชมขึ้นภายใน
ง่ายดายกว่าคนยุคก่อน เราสามารถพาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามที่ใดก็ได้ในโลก ไม่ว่าจะเป็นกลางป่า, ยอดเขาหรือกลางทะเลลึก แต่เมื่ออยู่ตรงนั้นเรากลับใช้เวลาส่วนใหญ่ในการมองจอ LCD เพื่อบันทึกภาพ หรือหนักไปกว่านั้น เพื่อบันทึกภาพตัวเราเอง
การสัมผัสสุนทรียภาพไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินตรา แต่หากเป็นเราที่จะต้องชะลอให้ช้าลงบ้าง เพื่อที่จะรับรู้คุณภาพและความงามรอบตัวเราให้มากขึ้น
ขอเพียงเราได้สัมผัสและชื่นชมสุนทรียภาพกันให้มากขึ้น ช่วยกันแบ่งปันประสบการณ์ที่สวยงามผ่านโซเชี่ยลมีเดียที่สื่อสารกันแสนจะว่องไวกันให้มากขึ้นสักนิด เมื่อผู้คนได้เสพความงดงามเหล่านี้แทนเรื่องดราม่าที่มีอย่างท่วมท้นในทุกวันนี้บ้าง แนวทางของสังคมเราก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
เพียงแค่นี้โลกมนุษย์ก็ย่อมจะดีกว่านี้แน่ครับ
ตาเกิ้น 7 ธันวาคม 2565