อเมริกาเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาลและมีความหลากหลายมากครับ และในความกว้างใหญ่นั้นก็เต็มไปด้วยธรรมชาติงดงามที่ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีและจัดการได้อย่างยอดเยี่ยม
ในพื้นที่กว้างใหญ่และหลากหลายนั้น ผมหลงรักพื้นที่ในตอนเหนือของรัฐ California มากครับ ที่นี่ครบถ้วนไปด้วยภูเขาสวย, ลำธารใส และอากาศดีตลอดทั้งปี
ผมจะขอแนะนำสถานที่เที่ยวในตอนเหนือของ California กันสักสามสี่แห่งนะครับ เพื่อให้คนที่ไม่เคยมาบริเวณนี้พอจะเห็นภาพ ทุกที่ล้วนไปง่าย เหมาะกับการพาครอบครอบครัวไปขับรถเที่ยว จะนอนแค้มป์ก็ได้ ค่าใช้จ่ายไม่ได้แพงมากเลยครับ
ถ้าเราบินมาจากเมืองไทย ผมแนะนำให้เริ่มต้นและจบทริปที่ซานฟรานซิสโกครับ เพราะสนามบินที่นี่ไม่วุ่นวายเมื่อเทียบกับ Los Angeles เมืองก็สวยอากาศดี
จากซานฟรานเรามาขับรถวนไปทางเหนือกัน
ทางเหนือของเมืองซานฟรานเป็นบริเวณที่เรียกกันว่า Bay Area หรือพื้นที่รอบๆอ่าว เป็นเมืองสวยเล็กๆหลายๆเมืองกระจายอยู่ตามชายฝั่งทะเล แวะได้เลยครับ จะแวะทานอาหารหรือนอนพักสักคืนก็สบายครับ


ถ้าขึ้นเหนือไปอีกนิดเราก็จะเข้าสู่พื้นที่ผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงของ California คือ Napa Valley และ Sonoma County บริเวณนี้จะเป็นที่ราบที่สลับด้วยเนินสูงต่ำสวยงามมากและอากาศดีทั้งปี น่าพักสักคืนนั่งจิบไวน์ชมวิวสบายๆครับ ไวน์ที่อเมริกานี่ถูกมากนะครับ ผมไม่ได้ชำนาญเรื่องไวน์ แค่รู้สึกว่ากินในบรรยากาศอย่างนี้แล้วมันอร่อยครับ
ในบริเวณนี้มีที่พักให้เลือกมากมายครับ อย่าไปนอนโรงแรมที่เป็น Chain แบบ Best Western หรืออะไรแบบนั้นนะครับ มีที่พักแบบบ้านๆมากมาย หลายแห่งเป็นไร่องุ่นโรงไวน์สวยๆ ไม่แพงเลย
ผมไปพักที่ Beltane Ranch ใน Sonoma Valley มา สวยงาม สงบและเป็นกันเองมาก แนะนำเลยครับ


ใน California มีอุทยานอยู่มากมายครับทั้งอุทยานแห่งชาติ (National Park), อุทยานของรัฐ (State Park) และป่าสงวน (National Forest) แต่ละแห่งมีที่เที่ยวน่าสนใจ มีเทรลเดินและมีพื้นที่แค้มป์ให้กางเต๊นท์ได้
ถ้าขับไปตอนเหนือสุดของรัฐก็จะมี Redwood National Park ซึ่งเป็นป่าต้นไม้ใหญ่อยู่ชายฝั่ง ถ้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือก็จะมี Lassen Volcanic National Park เป็นพื้นที่ของภูเขาไฟเก่า
ที่ Lassen เป็นอุทยานที่ไม่ใหญ่นักครับ เส้นทางส่วนใหญ่เปิดให้ขับรถผ่านได้เฉพาะฤดูร้อนเพราะอยู่บนเขาสูงมีหิมะปกคลุมในช่วงฤดูหนาว ภูเขาลูกใหญ่ระเบิดไปครั้งล่าสุดประมาณร้อยปีที่แล้วนี่เองพื้นที่ส่วนใหญ่จึงเป็นภูมิประเทศเกิดใหม่ให้เราได้เห็นว่าธรรมชาติจะเป็นยังไงหลังภูเขาไฟระเบิด


รอบๆอุทยานจะมีน้ำพุร้อน มีลำธารและมีทะเลสาบสวยๆทั่วไปหมดครับ

สำรับที่พักภายในอุทยาน ที่นี่มีลานกางเต๊นท์ และมีบ้านพักที่เรียกว่า Camping Cabin ครั้งนี้เราเช่า Camping Cabin พักกัน เขาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆว่า Camping Cabin คือการไปแค้มปิ้งที่ไม่ต้องเอาเต๊นท์ไปเอง แต่ต้องเตรียมอย่างอื่นๆไปให้ครบไม่ว่าจะเป็นที่นอน เครื่องครัว ฯ สบายและสนุกสนานมากครับ ไม่แพงด้วย

ลานกางเต๊นท์และ Camping Cabin หรือที่จุดปิคนิค ที่อเมริกาเกือบทุกที่จะมีที่ไว้ให้ก่อกองไฟหรือจุดเตาปิ้งย่างได้ และมักจะมีไม้ฟืนขายครับ
ยอดเขาสูงสุดของ Lassen สูงประมาณ 8,500 ฟิต หรือประมาณ 2600 เมตรประมาณยอดดอยอินทนนท์บ้านเรา มีหิมะปกคลุมทั้งปีครับ ในช่วงฤดูร้อนอุทยานมีถนนที่สามารถขับขึ้นไปใกล้แล้วเดินต่อไปยังยอดเขานี้ได้ไม่ไกล และถนนเส้นนนี้ยังวิ่งผ่านอุทยานไปเที่ยวได้ทั่ว เปิดประมาณเดือนมิถุนายนและปิดเดือนตุลาคม ก่อนไปเช็คให้ดีก่อนนะครับ


ในอุทยานมีแม่น้ำและทะเลสาบมากมาย สวยน่าพายเรือ (มีเรือให้เช่า) และน่าตกปลามาก
ในอุทยานมีร้านขายของ แต่ไม่มีร้านอาหาร ร้านอาหารและตลาดที่ใกล้ที่สุดห่างออกไป 20 ไมล์ ทางที่ดีซื้ออาหารเตรียมไว้ก่อนเข้าไปจะดีกว่า
เมื่อขับรถวนจาก Lassen มาทางใต้ก็จะมาถึงอุทยานที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของ California คือ Yosemite National Park
Yosemite เป็นชื่อภาษาอินเดียน ที่กล่าวถึงพื้นที่ราบกลางหุบเขา (Valley) ที่สวยงามแห่งนี้ถูกประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเป็นแห่งแรกๆของอเมริกาในปี 1890

อุทยานนี้เป็นที่เที่ยวยอดนิยมมากในฤดูร้อนครับ คำแนะนำแรกคือควรจะหลีกเลี่ยงการมาในวันสุดสัปดาห์ เพราะคนจะเยอะมากจนหาที่จอดรถไม่ได้และหาที่พักยากครับ
การเดินทางมาสู่ Yosemite มีหลายเส้นทาง แต่ผมขอแนะนำให้ใช้เส้นทางหมายเลข 140 จากเมือง Merced ครับ เพราะเส้นทางนี้สวยมากวิ่งเลาะเลียบลำน้ำ Merced River ที่สวยงามไปตลอดทาง
Yosemite Park มีพื้นที่ที่น่าสนใจและเข้าถึงง่ายอยู่ 3 โซนครับลองมาดูกันที่ละส่วน
แน่นอนครับ พื้นที่ที่สวยและยอดนิยมที่สุดก็คือ Yosemite Valley ที่โด่งดัง พื้นที่ตรงนี้เป็นที่ราบที่ห้อมล้อมด้วยเขาหินแกรนิตสูงตระหง่าน มีลำธารแม่น้ำใสไหลผ่าน เมื่อเดินอยู่ที่นั่นผมจินตนาการได้ว่าก่อนที่ความเจริญจะมาถึง ที่หุบเขานี้คงเป็นแดนแห่งสรวงสวรรค์

ปัจจุบันนี้ Yosemite Valley เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมามากที่สุด มีที่พักทั้งโรงแรมและแค้มป์ มีร้านค้า มีเส้นทางเดินเทรลสั้นๆที่สามารถเดินหรือขี่จักรยานไปเที่ยวจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก, แม่น้ำ, จุดชมวิว ฯ ได้ทั่วพื้นที่ และยังมีรถ Shuttle Bus ที่รับส่งฟรีรอบ Valley อีกด้วย

จุดเริ่มต้นก่อนจะไปไหน ลองเข้าไปที่ Visitor Center กันก่อนครับ Visitor Center ของอุทยานในอเมริกานี่ดีมากครับมีข้อมูลทุกอย่างที่เราอยากจะรู้ เจ้าหน้าที่จะคอยตอบคำถามต่างๆอย่างเต็มใจและเต็มที่ มีนิทรรศการให้ความรู้ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ควรจะแวะเข้าไปหาความรู้ของพื้นที่ก่อนจะไปเดินเที่ยวครับเราจะได้ซาบซึ้งมากกว่าแค่ไปเดินถ่ายรูปกับจุดชมวิว

ใกล้ๆกับ Visitor Center มีจุดที่ต้องแวะอีกทีหนึ่งครับ คือ Gallery ของ Ansel Adams
Ansel Adams เป็นช่างภาพที่ถ่ายภาพ Lanscape ธรรมชาติด้วยฟิล์มขาวดำที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกคนหนึ่ง Yosemite เป็นพื้นที่ที่เขารักที่สุด และเขาใช้เวลาส่วนมากในการทำงาน 60 ปีถ่ายภาพ Yosemite และพื้นที่ใกล้เคียง ใน Gallery นี้มีภาพถ่ายและหนังสือดีๆมากมายครับ


ในบริเวณ Valley มีจุดสวยๆให้ไปถ่ายรูปมากมาย เช่น El Capitan, Yosemite Fall, Mirror Lake, Tenaya Creek



ถ้าต้องการไปจุดชมวิวสวยๆที่มองเห็น Yosemite Valley จากมุมสูง แนะนำ 2 จุดนี้ครับ คือ Tunnel View อยู่ใกล้ๆอุโมงค์บนถนน 140 ถ้าเดินขึ้นไปอีก 2 กิโลเมตร ก็จะไปถึง Inspiration Point ซึ่งเป็นจุดที่ถ่ายภาพที่โด่งดังของเขา

อีกจุดต้องขับรถอ้อมไปไกลแค่คุ้มค่ามากคือ Glacier Point (ถนนเส้นนี้เปิดให้ไปได้เฉพาะฤดูร้อน) ตรงนี้เป็นจุดสูงที่วิวสวยมากครับต้องไปเห็นเองเลยครับ

ส่วนที่ 2 ของ Yosemite ที่สวยมากแต่คนรู้จักน้อยกว่าและมีนักท่องเที่ยวน้อยกว่าก็คือ Tuolumne Meadow และจุดท่องเที่ยวอื่นๆบนถนน Tioga Road
Tioga Road นี้ตัดพาดผ่าน Yosemite จาก ตะวันตกไปสู่ตะวันออก เป็นสั้นทางเก่าแก่ที่อินเดียนแดงใช้เดินเท้าข้ามไปเยี่ยมญาติอีกฝั่งกันมาแต่โบราณ ปัจจุบันนี้เป็นทางลาดยางอย่างดีที่จะพาเราผ่านที่ราบสูงและดิ่งลงไปสู่ Mono Lake ที่อยู่นอกอุทยาน
พื้นที่ของ Tuolumne Meadow เป็นที่ราบสูงปกคลุมด้วยทุ่งหญ้า ล้อมด้วยเขาสูงอีกชั้น ถ้าหากมาตรงเวลาเหมาะประมาณเดือนกรกฎาคม Tuolumne Meadow จะเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีเต็มทุ่ง ใน Tuolumne Meadow นี้มีเส้นทางเทรลเดินผ่านหลายสาย สองสายในจำนวนนั้นคือ John Muir Trail และ Pacific Crest Trail ที่โด่งดัง นอกจากนี้ก็ยังมีเทรลสั้นๆอีกหลายสายให้เดินเที่ยวชมวิวสวยๆกัน



Tuolumne Meadow นี้เป็นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับ John Muir ให้กลายเป็นนักนิยมธรรมชาติและเป็นคนสำคัญในการผลักดันประธานาธิปดีรูสต์เวลให้ประกาศ Yosemite เป็น National Park
ส่วนที่สามเป็นที่ที่มีคนรู้จักน้อยมากของ Yosemite มีชื่อว่า Hetch Hetchy ซึ่งเป็นชื่อภาษาอินเดียนแดง ในอดีตนั้น Hetch Hetchy เป็นเสมือนน้องสาวฝาแฝดของ Yosemite Valley เป็นหุบเขาที่ล้อมด้วยเทือกเขาและหน้าผาสูงชันไม่แพ้กัน มีลำน้ำไหลผ่านและมีน้ำตกสูงงดงาม อากาศอุ่นตลอดปี

แต่น่าเสียดายที่ในปี 1913 มีการสร้างเขื่อนก้ันลำน้ำ Toulumne จนทำให้หุบเขา Hetch Hetchy ทั้งหมดจมอยู่ใต้ผืนน้ำ

Hetch Hetchy เด่นมากในเรื่องความสงบ มีเส้นทางเดินป่าระยะสั้นและระยะยาวมากมาย มีแค้มป์ใหกางเต๊นท์ได้อยู่ภายในแต่ต้องติดต่อขอ Wilderness Permit ก่อน แต่ถ้าอยากพักสบายๆ ก็มีโรงแรมสวยๆอยู่ใกล้ๆทางเข้าชื่อว่า Evergreen Lodge ครับ (https://www.evergreenlodge.com)
จาก Yosemite ถ้าอยากจะชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติกันต่อ ขับรถลงมาทางใต้จะเจออุทยานแห่งชาติ Sequoia and Kings Canyon ครับ ที่นี่เป็นบ้านของต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ต้น Sequoia มีขนาดใหญ่มากเพราะมันเป็นต้นไม้ที่ทนทานต่อไฟป่า, แมลง และโรคพืชต่างๆ มันมีรากที่ขยายออกไปกว้างและสมบูรณ์จึงทำให้หาอาหารและน้ำได้ดีแม้ในปีที่แห้งแล้ง ต้น Sequoia จึงมีอายุได้ถึง 3,000 ปีในขณะที่ต้นไม้อื่นๆมักจะมีอายุประมาณ 300 ปีเป็นอย่างมาก
ที่ Sequoia National Park นี้มีต้น Sequoia ขึ้นอยู่เป็นดงใหญ่จึงน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ รวมถึงมีต้นที่ชื่อว่า General Sherman ที่เป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ที่นี่ด้วย (ความใหญ่นี้วัดจากปริมาตรของลำต้น )


ในอุทยานมีที่พัก, มีแค้มป์ไซต์ และสามารถขับรถผ่านเข้าไปได้จากใต้สู่เหนือ เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว มีที่ปิคนิคได้หลายจุด ควรเตรียมอาหารเข้าไปด้วยครับ


จุดชมวิวที่สวยมากแห่งหนึ่งของที่นี่คือ Moro Rock ที่จะสามารถมองเห็นอุทยานจากมุมสูงได้รอบทิศ
Kings Canyon อุทยานที่อยู่ติดกันก็มีต้น Sequoia ชื่อ General Grant มีดง Sequoia ที่สวยงาม และที่นี้ยังมีเส้นทางเดินป่าทั้งสั้นและยาวอีกมากมาย
ถ้าอยากจะไปเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง ลองไปที่เมือง Carmel by the Sea ซิครับ เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆที่สวยมากอยู่ริมชายทะเล ในเมืองเต็มไปด้วยร้านขายของสวยๆงามๆมากมาย ร้านอาหารอร่อยๆด้วยอาหารทะเลสดๆ เดินกันเพลินเลย
เมือง Carmel by the Sea นี้เป็นเมืองที่อากาศดีที่สุดแห่งหนึ่ง ไม่ร้อน ไม่หนาวเกินไป สบายทั้งปี

จาก Carmel by the Sea ขับรถมาตามเส้นทาง Pacific Coast Highway 1 ลงมาทางใต้แค่ประมาณ 20 ไมล์เราก็จะมาพบกับวิวชายฝั่งที่สวยที่สุดในอเมริกาช่วงหนึ่ง ชื่อว่า Big Sur ซึ่งเป็นเขาและหน้าผาสูงชันขึ้นมาจากมหาสมุทรแปซิฟิก ด้วยความสวยของวิวทิวทัศน์ทำให้ Big Sur เป็นที่เที่ยวยอดนิยมและมีคนไปเที่ยวปีละหลายล้านพอๆกับ Yosemite National Park เลยทีเดียว
Big Sur มีความยาวประมาณ 70 ไมล์บนเส้นทางสาย 1 นี้ ถือว่าเป็นพื้นที่ห่างไกลที่ยังไม่ถูกรบกวน และมีคนอยู่น้อยที่สุดของแคลิฟอเนียร์
ระหว่างทางมีจุดให้จอดชมวิวสวยๆตลอด มีเมืองเล็กและร้านอาหารสวยๆให้แวะได้

รัฐแคลิฟอเนียร์ เป็นรัฐที่มีเสน่ห์มากครับ ธรรมชาติมีความหลากหลายทั้งแต่ชายฝั่ง, เขาสูง, ทะเลทราย ไปจนถึงป่าดงที่ยังสมบูรณ์งดงาม อากาศดีเกือบตลอดทั้งปี ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป ผู้คนที่นี่หลากหลายและเป็นมิตรกับชาวต่างชาติมาก ทำให้เป็นที่น่าเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา

Californai ยังมีที่เที่ยวอื่นๆอีกมากมาย แต่ที่กล่าวถึงนี่คือส่วนที่ผมชอบที่สุดและคุ้นเคยพอที่จะมาเล่าสู่กันฟังได้ครับ
เที่ยวให้สนุกนะครับ