ผมเขียนบทความนี้ครั้งแรก เมื่อ ปี 2544 นับได้ 14 ปีมาแล้ว เมื่อย้อนกลับไปอ่านและพยายามจะเขียนใหม่ แต่ก็พบว่าอ่านเรื่องราวของทั้งสามอย่างก็ยังคงไม่ได้ล้าสมัย และน่าแปลกใจที่แม้ผมจะเปลี่ยนอุปกรณ์ทั้งสามไปตามกาลเวลา แต่ทั้งสามอย่างนี้ยังคงมาจากผู้ผลิตสามรายเดิม
ลองมาชมกันเลยครับ


มีดคู่มือ
เคยสังเกตดูบ้างมั๊ยครับว่าในเวลาที่ชาวบ้านป่าขนานแท้รอนแรมตามป่าดง ของอย่างหนึ่งเขาไม่เคยห่างจากตัวก็คือมีดคู่มือ
สำหรับชาวบ้านป่า มีดคือเครื่องมือทุกอย่างที่เขาต้องการ ตั้งแต่ถางทาง, ตัดฟืน, ตัดไม้ทำหลักแขวนหม้อ, ฟันปลาในห้วย, หั่นเนื้อหั่นผักทำกับข้าว, ตัดไม้ไผ่มาทำที่พัก, ต่อแพ, อาวุธป้องกันตัวในยามจำเป็น หรือแม้กระทั่งขุดหลุมสำหรับภารกิจส่วนตัวในยามเช้า
เรียกได้ว่าขาดมีดคู่มือแล้วเหมือนมือเท้าด้วนทำอะไรก็ไม่ได้อย่างใจ
สำหรับเราๆคนเที่ยวป่า ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเข้าเพียงชายป่าไปจอดรถกางเต๊นท์นอนกัน ถ้าจะเข้าป่าลึกก็คงจะมีเพื่อนชาวป่านำทางไปให้ซึ่งเขาก็จะเป็นธุระในเรื่องส่วนใหญ่ให้ คงไม่ต้องถึงขนาดถางทางฟันปลาเอง
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ยังพบว่ามีดสักเล่มที่ติดตัวอยู่มีประโยชน์มหาศาล ที่เหมาะที่สุดคือมีดพับเอนกประสงค์สักเล่มที่จะช่วยคุณได้ตั้งแต่ ตัดเชือกตัดกิ่งไม้เพื่อจัดที่นอน คีบหม้อลงจากกองไฟ หาอาหาร(เปิดกระป๋องไง) สันทนาการ(เปิดขวดเบียร์ขวดโซดา) ซ่อมรถ จนถึงเป็นอาวุธชิ้นสุดท้ายยามคับขัน
ผมเองใช้มีดยี่ห้อ Victorynox หรือที่เรียกกันติดปากว่ามีดสวิสอยู่กว่าสิบปี พึ่งจะหนึ่งปีมานี่เองที่เปลี่ยนมีดคู่มือมาเป็น ยี่ห้อ Leatherman รุ่น Wave

สาเหตุที่เปลี่ยนก็เพราะว่าผมพบว่า Wave เหนือกว่ามีดเล่มเดิมของผมอยู่สามประการหลักๆคือ
1) มีกลไกล็อคใบมีด ไม่ให้พับมาโดนมือขณะใช้งาน อันนี้สำคัญมาก
2) ถึงแม้จะมีจำนวนชิ้นของอุปกรณ์น้อยกว่า แต่แต่ละชิ้นล้วนแข็งแรงและใช้งานหนักได้จริง ไม่ว่าจะเป็นมีด,เลื่อย หรือคีม
3) สามารถเปิดใบมีดได้ด้วยมือเดียว (One Hand Operate) อันนี้ก็ช่วยให้ใช้งานได้คล่องขึ้นมาก








ทุกครั้งที่เดินทางผมจะมีเจ้า Wave ติดเข็มขัดอยู่เสมอและก็มีเหตุให้หยิบใช้อยู่วันละหลายๆครั้ง จนวันไหนไม่ได้พกไปก็จะรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้อย่างใจซักอย่าง แถมยังโหว่งๆ เหมือนไม่ได้ใส่กางเกงในเลยเชียวละ
ถ้าคุณรักที่จะใช้ชีวิตในป่าดง แม้แต่เพียงชายป่า คุณน่าจะหามีดติดตัวไว้สักเล่ม มันไม่ได้เป็นภาระหนักหนาอะไรเลย แล้วคุณจะสงสัยว่าเมื่อก่อนคุณอยู่ได้อย่างไรโดยไม่มีมีดติดตัว
ข้อความเพิ่มเติมใน Version2 ปี 2558
ตลอดกว่าสิบปี ผมพกเจ้า Leatherman Wave มาตลอดและมันก็ยังใช้งานได้ดี ในห้วงเวลานี้ Leatherman ได้ปรับปรุง Wave ขึ้นมาเป็นรุ่น version 2 และออก Charge TTi ซึ่งเป็น Multi Tool ที่มาจากโครงสร้างเดียวกับ Wave แต่ใช้วัสดุที่ดีขึ้นไป
Wave version 2 มีอะไรหลายๆอย่างที่ปรับปรุงขึ้น เช่นคีมที่แข็งแรงขึ้นไปอีก ใบมีดที่ใหญ่ขึ้น เครื่องมือทุกชิ้นมีล็อคไม่ให้พับขณะใช้งาน ไขควงเป็นแบบเปลี่ยนหัวได้ ทำให้เป็น Tool ที่ใช้งานดีขึ้นไปอีกจากเดิมที่ดีมากๆอยู่แล้ว







ปัจจุบันผมใช้ Leatherman Charge TTi เป็นมีดคู่มือที่พกติดตัวอยู่ทุกวันไม่ใช่เพียงแต่วันที่เดินทาง มันเสมือนเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน และผมก็ได้ใช้มันทุกวันจริงๆ
กล้องคู่กาย
ตะวันที่กำลังจะลับเหลี่ยมเขา สาดแสงลอดความทึบของแมกไม้ลงมาสะท้อนเป็นภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
เรากำลังลุยน้ำในลำธารใสที่ลึกเพียงเข่า สองข้างของลำน้ำปกคลุมไปด้วยกอบอนขนาดใหญ่เขียวขจี
เราออกเดินทางจากเชิงเขาตั้งแต่ก่อนเที่ยง ชั่วโมงแรกเราต้องใต่เขาหัวโล้นที่ชันดิกขึ้นมาจนต้องหยุดเป็นระยะๆ แต่ในชั่วโมงหลังนี้เรากำลังมะงุมมะงาหราเดินหาจุดที่จะพักแรมท่ามกลางป่าดิบดงทึบ
น้าผล พรานเก่าแห่งบ้านซับใต้เดินนำหน้าผมอยู่ไม่ไกล น้าผลแบกเป้ที่ทำจากถุงปุ๋ย มือข้างหนึ่งกำด้ามมีดเหน็บที่ใช้ริดกิ่งไม้ที่ขวางทางเดิน
ภาพข้างหน้าเป็นความดิบเถื่อนงดงามที่พบเห็นได้ไม่ง่ายนัก มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเสียดายกล้อง Nikon FM ตัวเก่ง
ในเช้าวันนั้นก่อนที่เราจะออกเดิน, หลังจากที่ลังเลอยู่นาน, เนินเขาสูงชันที่อยู่เบื้องหน้าก็ทำให้ผมตัดใจทิ้งกล้องทั้งชุดไว้ในรถด้วยความเป็นห่วงว่าตัวเองจะลากสังขารขึ้นไปไม่ถึงยอดเนิน อย่าว่าแต่จะคิดแบกกล้องขึ้นไปเลย
ผมได้แต่เพียงบันทึกภาพนั้นไว้ในความทรงจำ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพยายามสร้างภาพเช่นนั้นขึ้นมาอีก เพราะมันไม่ใช่เพียงการกลับมาสู่สถานที่ แต่หากมีมิติของเวลาเรื่องราวและความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวโยงเข้าไปด้วย
…..ยังมิต้องกล่าวถึงว่าเมื่อไม่นานนี้น้าผลได้จากไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ
จากบทเรียนวันนั้น นำไปถึงที่มาของสิ่งที่ต่อมากลายเป็นกล้องคู่กายของผม ผมเรียกเธอว่า”น้องหมิว”

เธออาจไม่สวย Sexy อย่างที่ชื่อนำพา แต่จากสถานะการณ์ที่ผมมักจะพบพาน เธอนับได้ว่าเหมาะเป็นอย่างยิ่ง
หลายต่อหลายครั้งที่ผมต้องตัดสินใจตัดกล้องออกจากสัมพาระก่อนจะเดินเข้าดง ส่วนใหญ่เป็นเพราะน้ำหนัก บางครั้งก็เป็นเพราะขนาด และหลายครั้งเป็นด้วยความกังวลว่ากล้องจะพังด้วยความทุรกันดารและเกือบทุกครั้งที่ไม่มีกล้องติดตัวผมก็มักจะได้พบเห็นภาพถูกใจที่ไม่สามารถบันทึกไว้ได้
“น้องหมิว”แก้ปัญหานี้ของผมในทันที จากน้ำหนักที่เบาหวิว ,ขนาดที่พอเหมาะกับกระเป๋าเสื้อเดินป่า, เลนส์หน้ากว้างสำหรับถ่ายในที่แสงน้อย และฟังก์ชั่นที่เพียงพอสำหรับจะเป็นเพื่อนเดินทาง
ผมเลือก Mu II ที่มีเลนส์ 35ม.ม. f2.8แทนที่จะเป็น Mu รุ่นที่มี Zoom เพราะสำหรับผมแล้ว ความทนทานและเลนส์รูรับแสงกว้าง สำคัญมากกว่า Zoom ที่จริงแล้วกล้องอื่นๆที่ผมใช้ก็มักจะติดเลนส์ 35อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
เมื่อซื้อน้องหมิวมา ไม่นานผมก็เริ่มเรียนรู้ว่าเธอมีลูกเล่นอีกหลายอย่างซ่อนอยู่ ที่ถูกใจผมมากที่สุดสองอย่างเห็นจะเป็น ระบบวัดแสงแบบจุดที่ทำให้ผมสามารถวัดแสงที่มีความเปรียบต่างของแสงสูงได้ตามที่ผมต้องการจะให้เป็น อีกอย่างก็คือความสามารถที่เธอสามารถผสมแสงแฟลชเข้ากับแสงธรรมชาติ ทำให้ได้ภาพยามเย็นหรือกลางคืนที่ยังคงบรรยากาศของเวลานั้นไว้ได้
ด้วยขนาดกระทัดรัด เลนส์หน้ากว้าง ฟังก์ชั่นพอตัว และราคาแค่ไม่ถึงห้าพัน Mu II เป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับคนที่อยากมีกล้องคู่ใจไว้รอนแรมในป่าดงสักตัว
แสงยามเย็นส่องกระทบความเขียวขจีของป่าดงหลังจากที่ฝนตกหนักมาทั้งวัน คุณจุ่นควบเจ้าฟ้าลั่นลงไปตามทางลาดชันก่อนจะกระโดดข้ามร่องน้ำเล็กไปหยุดอยู่ที่ปลายทุ่ง
ภาพเบื้องหน้างดงามยิ่งนัก ทั้งๆที่ผมเองก็โยกเยกอยู่บนหลังม้า ผมก็ยังล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบน้องหมิวออกมา…..
ข้อความเพิ่มเติมใน Version2 ปี 2558
ในเวลา 14 ปีที่ผ่านมานี้สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปมากจนไม่มีเค้าเดิมคือเทคโนโลยี่การถ่ายภาพ กล้อง Digital เข้ามาแทนที่กล้องฟิล์มทั้งในระดับมืออาชีพและสมัครเล่นไปจนถึงโทรศัพท์ทุกเครื่องที่มีกล้องถ่ายภาพในตัว
สำหรับการเดินทางในป่าดง ผมก็ยังแสวงหากล้อง Compact ขนาดเล็กที่ทนทานและให้ภาพที่ดีพอมาตลอด ซื้อมาลองใช้หลายรุ่นหลายยี่ห้อจนกระทั่งมาถูกใจที่ตัวหนึ่ง ซึ่งก็น่าแปลกใจว่าเป็นกล้องจาก Olympus เช่นเดิม

หลังจากทดลองมาหลายตัวและผิดหวังมาตลอด ผมก็มาเจอกล้องที่ผมใช้แล้วถูกใจมากตอนนี้คือ Olympus TG-2 (ปัจจุบัน Olympus ออกรุ่นใหม่ไปถึง TG-4 แล้ว) ซึ่งเป็นกล้อง Compact ที่กันน้ำในระดับที่สามารถถ่ายใต้น้ำได้ลึก 15 เมตร กันกระแทก กันฝุ่น ทำให้มันเหมาะมากที่จะใช้เป็นกล้องสำหรับการออกไปผจญภัยโหดๆ
TG-2 มีคุณสมบัติต่างๆที่ผมไม่เคยแม้แต่จะฝันถึงในปี 2544 มันให้ภาพละเอียด 12 M Pixel ซึ่งก็เกินพอสำหรับการใช้งานทั่วไป, มีเลนส์ซูม 4.5-18mm f2.0-4.9 (เทียบเท่า 25-100mm ของกล้อง 35mm), สามารถถ่าย VDO ได้ใน mode Full HD พร้อมไมโครโฟนอัดเสียง, ถ่ายภาพ close-upได้, มี GPS และเข็มทิศเพื่อบันทึกตำแหน่งที่ถ่ายภาพไว้ได้, ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 5 ภาพต่อวินาที, ถ่ายภาพพาโนราม่าได้ และ สามารถใส่ Fish Eye และ Teleconverter ได้
ที่ผมบอกว่าทดลองกล้องลักษณะนี้มาหลายตัวแต่ไม่เคยถูกใจ เป็นเพราะผิดหวังกับคุณภาพภาพและ VDO ทั้งๆที่กล้องเหล่านั้นก็มีสเป็คความละเอียดของภาพและ VDO สูงพอควรแต่ ภาพที่ได้ออกมาน่าผิดหวังและ VDO ไม่เคยใช้ได้เลย ผมได้ข้อสรุปว่าความแตกต่างอยู่ที่เลนส์ครับ
เลนส์ของ TG-2 มีหน้ากล้องกว้างสุดที่ f2.0 เมื่ออยู่ที่ 4.5mm ทำให้ได้ภาพที่สว่างสดใสมากสำหรับกล้อง Compact กันน้ำขนาดเท่าๆกัน VDO ที่ถ่ายออกมาก็อยู่ในระดับดีมากๆ ละที่ผมรักมันมากก็คือการที่สามารถใส่ Fish Eye Converter ได้ ทำให้การถ่ายภาพใต้น้ำได้ภาพดีๆมากมาย


VDO นี้ถ่ายทำด้วย TG-2 ตลอดครับ
เทคโนโลยี่การถ่ายภาพ Digital พัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก ทำให้เราได้เครื่องมือดีๆมาใช้งานทรหดดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ตกรุ่นเร็วมาก อย่าไปกังวลครับใช้มันให้คุ้มครับ
ปืนคู่ใจ
ผมรู้ว่าผู้อ่าน Thailand Outdoor หลายท่านไม่ชอบปืน บางคนอาจถึงขนาดเกลียด เพราะเห็นว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำลายล้างชีวิต แต่วันนี้ผมอยากให้ท่านลองมองในอีกมุมหนึ่งดู
เคยบ้างไหมที่นอนอยู่ในเต็นท์ แล้วได้ยินเสียงแกรกกรากดังเหมือนคนเดินจากราวป่ามุ่งหน้ามายังเต๊นท์ ถ้าเป็นคนดีก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นคนร้ายล่ะ? เอาเถอะอยากได้อะไรก็จะยกให้ไป ลำพังตัวเองก็พอคิดอย่างนั้นได้ แต่หญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆล่ะ ไม่ห่วงเขาบ้างหรือ ถ้าคุณเองเป็นผู้หญิงก็ยิ่งแล้วใหญ่
“ผมไม่เคยไปนอนที่ไหนเปลี่ยวๆ” เอ้า ถ้าอย่างนั้นเคยนึกถึงเหตุการณ์แบบนี้บ้างไหม ถ้าคุณขับรถไปต่างจังหวัดแล้วรถเสียยางแตกอยู่กลางทางมืดสนิท จะโทรเรียกคนมาช่วยอย่างโฆษณามือถือก็ไม่มีสัญญาณ ใจก็นึกถึงเรื่องราวที่เคยได้ยินเกี่ยวกับ คดีที่คนร้ายวางตะปูดัก เพื่อปล้นฆ่าชิงรถ
หันซ้ายหันขวาล่อแล่ก ไม่รู้ว่าเราจะเป็นรายต่อไปหรือเปล่า
ถึงแม้คุณจะเป็นคนดีที่ไม่เคยคิดจะทำร้ายใครก่อน ถ้าคุณรักที่จะเที่ยวไปตามป่าเขาผมก็ยังอยากจะให้คุณหัดยิงปืนและมีปืนไว้ป้องกันตัวสักกระบอก
สำหรับคนที่ต้องการมีปืนไว้เป็นเพื่อนคู่กายซักกระบอกไว้ติดตัวเข้าป่าเข้าดงโดยเพียงตั้งใจเอาไว้ป้องกันตัวจากคนร้ายในยามคับขัน ผมขอแนะนำให้ท่านมองปืนลูกโม่ขนาดเล็กลำกล้องไม่เกิน 3นิ้ว ขนาดก็ระบุไปเลย ว่าเป็น .38 สเปเชี่ยล
ทำไมถึงแนะนำแบบนี้?
ที่ควรเป็นปืนลูกโม่ก็เพราะสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับปืนมาก่อน ปืนลูกโม่จะเป็นปืนที่เรียนรู้และใช้งานได้ง่ายที่สุด บางคนที่คุ้นเคยกับปืนมาก่อนอาจจะติงว่าปืนลูกโม่บรรจุได้น้อยกว่าปืนออโต้ ก็จริงครับ แต่ต้องนึกไว้ว่าเราต้องการปืนไปเพียงป้องกันตัว ไม่ได้เอาไปเล่นหนัง Die Hard
ที่ต้องเป็นปืนขนาดเล็กลำกล้องไม่เกิน 3นิ้วก็เพราะ การเดินป่าน้ำหนักและขนาดของสัมภาระเป็นเรื่องใหญ่ แม้แต่การเดินป่าช่วงสั้นๆบางครั้งตัวเองยังจะเอาไปไม่รอด จึงขอแนะนำให้เลือกปืนเล็กและเบาที่สุดไว้ก่อน บางคนอาจบอกว่า ปืนลำกล้องสั้นยิงไม่แม่นเท่าปืนที่ลำกล้องยาวกว่า ก็จริงครับแต่ในการ
ป้องกันตัวนั้นเราแค่หวังผลในระยะใกล้ๆเท่านั้น (ถ้าคนร้ายอยู่ไกลก็ใช้วิ่งหนีเอาดีกว่าครับ) ปืนเล็กที่ติดตัวอยู่ย่อมเหนือกว่าปืนกระบอกโตที่อยู่ในกองสัมภาระอย่างเทียบกันไม่ได้ครับ
แล้วทำไมต้องเป็นขนาด .38 สเปเชี่ยล? กระสุนขนาดนี้ใช้กันแพร่หลายมาก มีกระสุนให้เลือกซื้อทั้งลูกจริงลูกซ้อมมากมาย อำนาจกระสุนก็จัดว่าใช้ได้ ถึงแม้จะไม่ยิงแล้วคนร้าย(และคนยิง)กระเด็นเหมือนปืน .44 แม็กนั่มของจ่าเดอตี้แฮรี่ แต่ก็เพียงพอแล้ว กระสุนที่เล็กกว่านี้อย่าง .22, .25, .32 ก็ไม่ควรใช้เพราะอำนาจหยุดยั้งไม่น่าไว้วางใจ ที่แรงกว่าอย่าง .357 แม็กนั่มก็ไม่จำเป็นแถมยังยิงได้ลำบากในปืนเล็กแบบนี้
ผมเองก็มีปืนประเภทนี้ไว้เป็นเพื่อนเวลาเข้าป่าเข้าดงอยู่กระบอกหนึ่ง พึ่งจะซื้อหามาเมื่อไม่นานนี้ ผมเรียกเธอว่า “น้องไท” เธอเป็นปืน ยี่ห้อ Smith & Wesson รุ่น 342 เป็นปืนลูกโม่ขนาด .38 ลำกล้องเกือบๆสองนิ้วตัวปืนทำด้วยอัลลอย ลูกโม่ทำด้วยไททาเนี่ยม จึงทำให้น้ำหนักเบาเพียง สามขีดกว่าๆ

เวลายิงเธอดีดดิ้นมากทีเดียวเพราะน้ำหนักปืนที่เบา แต่เวลาพกติดกระเป๋าเธอก็เบาจนผมลืมไปเลยว่ามีปืนมาด้วย เรื่องแรงสะบัดนั้นก็อย่าไปกังวลกับมันมากนัก เลยครับเพราะเราไม่ได้ยิงกันเป็นร้อยเป็นพันนัดเอาไว้เวลาจำเป็นห้านัดก็ยังไม่ทันรู้สึกเจ็บมือ
ปืนที่ผมเห็นว่าเหมาะสำหรับงานนี้มากที่สุดก็คงเป็น Smith & Wesson โครง J ซึ่งก็หมายถึงปืนขนาดเล็กนี่แหละครับ ปืนในตระกูลนี้ก็มีให้เลือกกันมากมายหลายแบบเช่น M60 2″ แบบดั้งเดิม M60 3″ , M 640 แบบไม่มีนกที่ทำด้วยสเตนเลส (ปืนใหม่มีแต่ขนาด .357), M442 แอร์เวท ที่โครงเป็นอัลลอยแต่โม่เป็นเหล็ก และ M342 ไททาเนี่ยมที่เบาสุดๆ ฯลฯ


ผมเองชอบปืนในตระกูล เซ็นเท็นเนี่ยล หรือปืนนกในมากที่สุดเพราะการใช้เป็นปืนป้องกันตัวเราควรฝึกยิงแบบไม่ง้างนกไว้ให้คล่อง การที่ไม่มีนกอยู่ข้างนอกให้เกะกะก็ทำให้หยิบฉวยได้ง่ายไม่ติดเสื้อผ้า เวลายิงในที่คับขันอย่างภายในเปลหรือเต็นท์ก็ไม่ไปติดกับอะไร
ข้อดีอีกอย่างของ น้องไท หรือ สมิท 342 แอร์ไลท์ไททาเนี่ยมก็คือ การที่ชิ้นส่วนภายนอกเป็นโลหะปลอดสนิมเกือบทั้งสิ้น (ตัวปืนเป็นอัลลอย โม่ไททาเนี่ยม ลำกล้องสเตนเลส) ทำให้เหมาะกับภารกิจที่จะพกเข้าป่าเข้าดงโดยไม่ต้องกลัวเป็นสนิมแม้จะต้องเปียกเหงื่อ, ตากฝนหรือตกน้ำเปียกปอนกันทั้งคนทั้งปืน
ปืนไม่ใช่สิ่งเลวร้ายที่เราจะต้องคอยออกห่าง ปืนไม่เคยทำร้ายใคร แต่คนที่ใช้มันต่างหากที่ทำ ปืนจะร้ายหรือจะดีขึ้นอยู่กับว่ามันอยู่ในมือใคร
ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง ผมเองขอมีปืนอยู่ในมือเสมอเพื่อไม่ให้เสียเปรียบคนร้ายในการ ป้องกันคนที่ผมรักและตัวผมเอง และผมก็ยังยืนยันว่าคุณควรจะมีไว้เช่นกัน
ข้อความเพิ่มเติมใน Version2 ปี 2558
ในเวลา 14 ปีที่ผ่านมานี้ปืนก็มีการพัฒนาไปมากเช่นกัน ปืนออโตที่มีโครงโพลิเมอร์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายด้วยความที่ปืนชนิดนี้มีน้ำหนักเบา, ดูแลรักษาง่าย, บรรจุกระสุนได้มากเติมได้เร็ว และแนวลำกล้องที่ต่ำกว่าปืนลูกโม่ก็ทำให้มันสามารถควบคุมแรงรีคอลย์ได้ง่ายขึ้น
สำหรับคนที่ต้องการมีปืนกระบอกแรกเพื่อป้องกันตัวโดยที่ไม่ต้องการซ้อมยิงทำความคุ้นเคยกับปืนให้บ่อยมากนัก ผมก็คงยังยืนยันว่าปืนลูกโม่ขนาด .38 Special คือตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง
แต่สำหรับคนที่สนใจจะยินดีจะซ้อมเพื่อทำความคุ้นเคยกับปืนให้ได้ ปืนออโตเมติกยุคใหม่ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย

สำหรับตัวผมเอง ผมเลือกปืน Smith & Wesson M&P Shield ขนาด .40 S&W มาเป็นปืนติดตัวในเวลาเข้าป่า ด้วยอำนาจหยุดยั้งของกระสุนและขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบาของปืนเป็นเหตุผลหลัก
กระสุนขนาด .40 S&W เป็นกระสุนปืนที่ค่อนข้างใหม่ เพราะเพิ่งเกิดขึ้นมาในปี 1990 หรือ พ.ศ. 2533 นี่เองด้วยการพัฒนาร่วมกันระหว่าง FBI กับบริษัท Smith&Wesson เพื่อให้ได้กระสุนที่มีอำนาจหยุดยั้งเหนือกว่า .38 Special และ 9mm แต่มีวิถีกระสุนราบเรียบและบรรจุได้มากกว่าขนาด .45 หรือ 11mm
บางคนอาจจะไม่ให้ความสำคัญกับอำนาจหยุดยั้งของกระสุนปืนมากนัก โดยเรามักจะได้ยินคำพูดที่ว่า “แค่นี้โดนก็ตายแล้ว” แต่หากเราจะคำนึงถึงสถานะการณ์ที่ภัยคุกคามนั้นก็มีอาวุธในมือ (ซึ่งเป็นไปได้มาก) เพื่อให้เราปลอดภัยกระสุนที่ใช้จึงจำเป็นที่จะต้องมีอำนาจหยุดยั้งพอที่จะทำให้ภัยคุกคามนั้นหมดความสามารถที่จะใช้อาวุธโต้ตอบได้ทันที
กระสุนขนาด .38 Special ซึ่งนับว่าเป็นกระสุนมาตรฐานในการป้องกันตัวมานานนั้น มีหัวกระสุนหนัก 158gr วิ่งด้วยความเร็ว 770 ฟิต/วินาที ให้แรงปะทะ 208 ft-lbf ส่วนกระสุน .40 S&W ใช้หัวกระสุน 165gr วิ่งด้วยความเร็ว 1150fps ฟิต/วินาที ให้แรงปะทะ 485 ft-lbf ซึ่งมากกว่า .38 ถึง 2.3 เท่า!!!
ตัวเลขที่สรุปยืนยันความน่าเชื่อถือของกระสุนขนาด .40 มากจากการเก็บสถิติของ Evan Marshall กระสุน .40 S&W สามารถหยุดยั้งภัยคุกคามด้วยกระสุนนัดแรกได้สูงถึง 94% เมื่อเทียบกับ 67% ของกระสุน .38 Special

Smith&Wesson M&P Shield เป็นปืนสั้น Semi-Auto ที่ใส่กระสุนแถวเดี่ยวประกอบกับโครงที่เป็นโพลิเมอร์ทำให้ปืนมีความแบนบาง เป็นปืนเมื่อเทียบขนาดและน้ำหนักแล้ว S&W Sheild มีความน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าปืนลูกโม่ขนาด .38 ลำกล้อง 2″ เลย ทำให้มันเป็นปืนที่มีความลงตัวของขนาดที่กระทัดรัดพกสะดวก,กระสุนที่มีอานุภาพไว้วางใจได้ และความแม่นยำยิงง่าย


ด้วยการออกแบบมุมด้ามที่เป็นธรรมชาติและแนวลำกล้องที่ต่ำทำให้ผู้ยิงสามารถควบคุมแรงรีคอล์ยได้ดีแม้จะใช้กับกระสุนขนาดใหญ่อย่าง .40

ผมยังยืนยันครับ สำหรับคนที่ต้องการมีปืนกระบอกแรกเพื่อป้องกันตัวโดยที่ไม่ต้องการซ้อมยิงทำความคุ้นเคยกับปืนให้บ่อยมากนัก ผมก็คงยังยืนยันว่าปืนลูกโม่ขนาด .38 Special คือตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง
แต่สำหรับคนที่ยินดีที่จะทำความเข้าใจและคุ้นเคยกับปืนด้วยการฝึกซ้อมเป็นประจำ ปืนออโตขนาด .40 อย่าง Smith&Wesson Shield ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆสำหรับการป้องกันตัวในป่าดงครับ
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ถ้าคุณจะมีปืน คุณควรศึกษาและหัดใช้มันให้คล่องแคล่ว และที่สำคัญที่สุด ปลอดภัย ถ้าคุณไม่เคยยิงปืนมาก่อนผมขอแนะนำให้คุณเข้าเรียนหลักสูตรการใช้ปืนก่อนที่จะไปซื้อ คุณจะได้ทำความเข้าใจกับปืนก่อนการเลือกซื้อ และที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องใช้ปืนได้อย่างปลอดภัย
สำหรับหลักสูตรเรียนยิงปืนผมขอแนะนำที่ สนามยิงปืน กองปฏิบัติการพิเศษ ลพบุรี หลักสูตรยิงปืนที่นี่นับได้ว่าเหมาะสมและทันสมัยที่สุดแล้วสำหรับการป้องกันตัว
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.TF90.net หรือ 036-680217