วันหนึ่งประมาณสองปีที่แล้ว มีฝรั่งคนหนึ่งมาเล่าให้ผมฟังว่าพ่อเขาเป็นชาวอเมริกันที่นำพันธุ์สัปปะรดจากฮอนดูรัสมาปลูกในโครงการณ์หลวงเป็นครั้งแรกที่ประจวบเมื่อหลายสิบปีก่อน
พื้นที่ที่ในหลวงทรงริเริ่มโครงการณ์พระราชดำริที่ประจวบนั้นเป็พื้นที่แห้งแล้ง ฝนไม่ตกชาวบ้านยากจนเพราะปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น จึงทรงโปรดให้ทดลองนำสัปปะรดซึ้งเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดีมามาปลูก
ชาวอเมริกันท่านนี้นำเนื้อเยื่อพันธุ์สัปปะรดมาในหลอดแก้ว มาทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่โครงการณ์หลวง ทำงานกันอย่างหนักจนสามารถขยายพันธุ์ปลูกลงในพื้นที่ได้นับพันไร่ ในขณะที่โครงการณ์หลวงก็ทำการประชาสัมพันธ์ว่าสัปปะรดคือพืชเศรฐกิจตัวใหม่ที่มีราคาดีและจะนำมาให้เกษตรกรปลูก
ขณะที่สัปปะรดรุ่นแรกกำลังงอกงาม และอีกไม่กี่วันในหลวงจะทรงเสด็จ ก็เกิดเหตุที่ช็อคทีมงาน นั่นก็คือมีมือดีเข้ามาขโมยกวาดเอาสัปปะรดไปนับร้อยๆไร่ในช่วงข้ามคืน และกวาดจนหมดพื้นที่ในอีกไม่กี่วันต่อมา ทีมทำงานกังวลกันมากกว่าในหลวงจะทรงกร้ิวถ้าเสด็จมาเห็นว่าสัปปะรดที่ใช้เวลาเตรียมมานับปีโดนขโมยไปหมด
วันที่ในหลวงเสด็จ ชาวอเมริกันท่านนี้ยืนรับเสด็จอยู่ห่างๆ เขาเล่าว่าแทนในหลวงจะทรงกริ้วเมื่อได้รับรายงานข่าวการโขมยสัปปะรด กลับทรงยิ้มในเวลาเสี้ยววินาที
หลังจากที่พระองค์เสด็จกลับ คำสั่งที่ทีมงานทุกคนได้รับคือให้เพาะสัปปะรดให้มากที่สุดแล้วนำมาลงในพื้นที่เดิมอีก ใครจะขโมยก็ไม่เป็นไร
จากนั้นการปลูกสัปปะรดจึงขยายออกไปอย่างรวดเร็ว (จากต้นพันธุ์ที่ขโมยไปจากไร่ของโครงการณ์หลวงนั่นแหละ) โดยที่ไม่ต้องไปจัดการแจกจ่ายหรือประชาสัมพันธ์อะไรเลย
และนั้นแหละเขาจึงได้เข้าใจว่าการปลูกสัปปะรดให้คนขโมยไปปลูกนั้นอาจเป็นความตั้งใจของพระองค์อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
ได้ฟังชาวต่างชาติมาเล่าถึงในหลวงอย่างชื่นชมเช่นนี้ ทำให้ผมถึงกับพูดไม่ออก ในโลกนี้จะมีใครสักกี่คนที่เกิดมาในฐานะสูงส่งที่ไม่ต้องทำงานตลอดชีวิตก็ได้แต่กลับทุ่มเททำงานหนักทั้งชีวิตเพื่อคนอื่นโดยมิเคยหวังสิ่งตอบแทนใดๆ
ทรงพระเจริญ