อยากจะเล่าเรื่องนี้เพื่อเตือนสติกัน มิจฉาชีพเดี๋ยวนี้มีทั่วไปหมดจริงๆ
เมื่อวานมีผู้ชาย 2 คนมาจอดมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าบ้านผมตอนค่ำๆ
พอดีผมกลับมาถึงบ้านเลยจอดรถถามว่ามาหาใคร คนนึงบอกว่ามาหาคุณผู้หญิง มาส่งข่าวว่าพ่อชื่อช่างสายัณห์ที่เคยทำงานให้ตายแล้ว เมื่อกี้บอกแม่บ้านที่นุ่งผ้าถุงแกกำลังเดินไปบอกอยู่
ผมเลยบอกว่าถอยไปห่างๆนะผมกำลังจะเปิดประตูเข้าบ้านและหมาดุมาก สองคนเลยถอยไป ผมลงจากรถไปบอกว่าอีกที ไม่มีใครรู้จักช่างสายัณห์หรอก สองคนเลยรีบขี่มอเตอร์ไซค์ไป
ผมสอบถามคนในบ้านแล้วบอกว่ามาถามหาคุณผู้ชาย พอบอกว่าไม่อยู่ก็ขอพบคุณผู้หญิง แม่บ้านคนที่นุ่งผ้าถุงก็บอกว่าไม่ได้ออกไป ดูแววแล้วคนร้ายแน่นอน
ช่วง 10 วันที่ผ่านมานี้ผม ภรรยาและลูกชาย ไม่อยู่บ้าน มันคงมาดูลาดเลามาหลายวันแล้วว่าบ้านนี้คนน้อยมีแต่ผู้หญิงและคนแก่ ถ้าแม่บ้านหลงเชื่อปล่อยให้เข้าบ้านคงโดนจี้แน่
โชคดีที่มันลงมือในวันที่ผมกลับมาแล้ว
นึกย้อนไป ผมมีการรับสถานการณ์ที่ไม่ดีเลย ช่วงหลายนาทีแรกไม่ได้ระแวงว่าอาจจะเป็นคนร้ายเพราะพ่อแม่ผมมีลูกน้องเก่าเยอะเรื่องที่มันกุขึ้นมาจึงพอจะมีเค้า แต่ยังดีที่ฉุกใจคิดทัน เมื่อวานผมอยู่นอกบ้านไม่มีปืนติดตัว ถ้าไม่มีหมาดุอยู่ในบ้านตอนเปิดประตูก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำ
เมื่อวานพอดีญาติๆมาที่บ้าน พอได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้น บางคนก็บอกให้ผมติดกล้องวงจรปิด
แต่ผมคิดว่ากล้องวงจรปิดไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าครับ ไม่มีใครที่จะเฝ้าดูกันได้ตลอดเวลา ถ้าเอาไว้ดูย้อนหลังก็ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
ผมเป็นคนรุ่นเก่าครับ ในเหตุที่มีคนร้ายผมยังเชื่อว่าหมาดุๆและปืนดีๆคือเพื่อนที่ดีที่สุด นอกจากนั้นแล้ว ผมว่าเรื่องการระแวงภัยเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อให้พร้อมรับเหตุ ผมเองก็ไม่ค่อยเตรียมใจให้พร้อมเลยในเรื่องนี้
คงต้องหัดมองโลกในแง่ร้ายให้มากกว่านี้
ข้อดีของเหตุการเมื่อวานคือ ลูกๆผมเขาเข้าใจมากขึ้นว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงาม ลูกสาวถึงกับบอกว่าโชคดีที่มันมาตอนที่คนอยู่กันเยอะ
สิ่งสำคัญและจะทำตอนนี้คือ ต้องให้คนในบ้านเข้าใจและระวังภัยกันให้มากกว่านี้ แล้วก็ต้องพาลูกและภรรยาไปทบทวนยิงปืนกัน
ที่เสียดายที่สุด ถ้าคิดทัน น่าจะบอกมันไปว่า
“แม่บ้านที่ใส่ผ้าถุง? แกตายไปตั้งสิบกว่าปีแล้ว อย่ามามั่ว”
น่าจะไม่กล้ามาอีกเลย
เครดิตภาพจาก Internet