ไหนๆเรื่องมันก็นานจนหมดอายุความแล้ว วันนี้ขอเอาความลับมาเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะครับ
เย็นวันหนึ่งหลังจากเลิกเรียน ผมรีบออกมายืนอยู่นอกประตูโรงเรียนทางด้านถนนอังรีดูนังต์ ใจเต้น มือสั่น ไม่แน่ใจว่าจะเอายังไงดี
จนกระทั่งมีสาวคนหนึ่งเดินออกประตูมา ผมจึงตัดความลังเล ทำใจให้กล้าแล้วเดินเข้าไปหา
“ผมเดินไปเป็นเพื่อนนะ” ท่องอยู่ตั้งนานแต่ก็พูดออกมาได้แค่นี้
สาวคนนั้นทำหน้างงปนตกใจ เราเป็นเพื่อนนักเรียนห้องเดียวกัน เจอกันอยู่ทุกวันแต่เขาคงนึกไม่ถึงว่าจะมาเจอผมตรงนี้ ผมรู้มาว่าทุกเย็นเธอจะเดินไปหาน้องสาวที่โรงเรียนมาแตร์เพื่อจะกลับบ้านด้วยกันจึงได้ออกมาดักรออยู่
เธอไม่ได้ปฏิเสธและผมก็ได้เดินไปด้วย
“ผมถือกระเป๋าให้นะ”
หลังจากนั้นผมก็มาดักรอที่เดิมหลังเลิกเรียนทุกเย็น ระยะทางจากโรงเรียนเตรียมฯ ไปยังโรงเรียนมาแตร์ก็ไม่ได้ใกล้นัก แต่ทุกครั้งที่เดินไปผมก็อยากจะให้ทางนั้นไกลขึ้นอีกเล็กน้อยก็ยังดี
เมื่อมามองย้อนไป มันเป็นเรื่องเฉิ่มมาก แต่ผมก็ดีใจที่ได้ทำลงไป เพราะโดยที่ไม่ได้คาดคิด วันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่กลายมาเป็นชีวิตคู่ที่เต็มไปด้วยความสุข, รอยยิ้ม, อ้อมกอดอบอุ่น, ลูกที่น่ารัก และสิ่งงดงามอีกมากมาย
วันนี้เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ผมกล่าวขอบคุณ แขกที่มางานแต่งงานของเรา, ขอบคุณผู้ใหญ่ของเราทั้งสองฝ่ายที่สนับสนุนให้เราได้มีวันนั้น และ ผมก็กล่าวขอบคุณเจ้าสาวของผมที่รู้จักผมมานานถึงสิบปีและยังตัดสินใจแต่งงานกับผมได้


เมื่อมาถึงวันนี้ผมคงต้องขอบคุณเธอมากกว่านั้นอีกมาก ขอบคุณที่ให้ผมเดินไปด้วย ขอบคุณที่ทำให้ผมมีครอบครัวที่แสนสุข ขอบคุณสำหรับทุกนาทีดีๆจาก 35 ปีที่ได้รู้จัก,33 ปีที่รักกัน และ 25 ปีแรกของการแต่งงาน
ขอบคุณสำหรับความรักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงครับ
15 พฤษภาคม 2560
[…] อ่านตอนต่อไป ได้ที่นี่ครับ […]
[…] “ไหว้ครู” และ “เรื่องเฉิ่มๆ”ที่เคยเล่าไว้ […]