Thursday, April 25, 2024
Homeความคิดและมุมมองจักรวาลที่ทับซ้อน

จักรวาลที่ทับซ้อน

-

คุณเชื่อมั๊ยครับว่า Parallel Universe หรือจักรวาลที่ทับซ้อนกันอยู่มีจริง ผมเริ่มเชื่อนะ

ตั้งแต่ปี 1954 นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัย Princeton นำเสนอทฤษฎีแหกคอกที่ช็อคผู้คนว่า มีจักรวาลที่เหมือนกับที่เราอยู่นี้เปี๊ยบ ขนานอยู่ในกาลเวลา โดยที่แตกสาขาไปจากจักรวาลที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ หรือบางทีจักรวาลที่เราอยู่นี้ก็อาจจะแตกตัวออกมาจากจักรวาลอื่นด้วยเหตุการบางอย่างที่มีผลลัพธ์ที่แตกต่าง (Alternate Outcome) เช่นอาจจะมีจักรวาลเส้นขนานที่ไดโนเสาร์ยังมีอยู่ขณะที่มนุษย์สูญพันธุ์ไป หรือ จักรวาลที่เยอรมันชนะสงครามโลก ฟังดูประหลาดมาก

ผมเริ่มมองเห็นจักรวาลเส้นขนานนี้ได้ลางๆ

หลายคนอ่านแล้วอาจจะเอาเข้าไปโยงเข้าไปสู่เรื่องศาสนา หรืออาจจะไปถึงเรื่องของไสยศาสตร์ เรื่องเหนือธรรมชาติไปโน่น ผมไม่ถึงขนาดนั้นนะ แต่ผมคิดว่าผมเจอเครื่องมือที่ใช้เดินทางสู่ Parallel Universe ได้สองสามอย่างแล้วครับ ลองตามผมมาเดินทางด้วยกันซิครับ


เรือหางยาวลำใหญ่พาเราลัดเลาะเข้าไปในลำคลองที่แทรกตัวไปสู่เทือกเขาเบื้องหน้า หมอกบางๆปกคลุมเขาที่เขียวขจีหนาแน่นไปด้วยไม้ใหญ่ สายลมเย็นที่พัดผ่านผิวหนังเราพาความสดชื่นเข้าไปถึงหัวใจ นกหลายตัวบินร่อนผ่าน สรรพเสียงของป่าดงดังแววมาจากสองข้างของลำน้ำ

เรือจอดเกยตื้นในตรงที่ลำน้ำนั้นไหลลงมาราวกับน้ำตกเล็ก เราปีนลงจากเรือ แล้วแยกย้ายกันเดินไปหามุมสงบของตัวเอง

ผมหมายตาไปที่โค้งน้ำที่สายน้ำไหลเอื่อยและปกคลุมไปด้วยร่มไม้ใหญ่ครึ้ม ผมค่อยๆคลานเข่าเข้าไป แล้วแคสสายฟลายส่งเหยื่อที่เป็นรูปแมลงตัวเล็กๆลงไปที่จุดนั้น

ทันใดนั้นผิวน้ำที่เรียบราวกับกระจกก็แตกกระจายเป็นฟองขาว

ผมเดินเลาะเลียบลำน้ำใสนั้น ที่หาดทรายเต็มไปด้วยรอยเท้าสัตว์ป่าประเภทเก้ง, กวางไปจนถึง กระทิง และช้าง น้ำที่ใสราวกับกระจกไหลโค้งไปมาตามร่องเขา ระหว่างที่เดินไปนั้นผมก็พิจารณาทุกส่วนของลำน้ำนั้นทั้งความลึก, ความเร็วของกระแสน้ำ, กอไม้ และร่องรอยอื่นๆแม้แต่แมลงตัวเล็กที่บินอยู่ใกล้ผิวน้ำ เพราะนั่นคือเครื่องหมายของปลาที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผิวน้ำนั้น

ผมนั่งลงมองธรรมชาติรอบตัว คงมีอีกไม่กี่ที่ในโลกนี้ที่ยังคงสภาพความสมบูรณ์เช่นนี้อยู่ การตกปลาแบบฟลายฟิชชิ่งในธรรมชาตินั้นพาเราเข้าไปสู่ธรรมชาติที่งดงามทั่วทุกมุมโลก ที่ที่เราไม่มีทางจะดิ้นรนไปหากไม่ได้ตกปลา หรือถ้าผ่านไปก็คงมองข้ามเดินเลยผ่านในไม่กี่วินาที

การใช้ความคิดที่จะอ่านเครื่องหมายต่างๆในธรรมชาติของการตกปลาแบบนี้ทำให้เราหลุดพ้นไปจากเรื่องวุ่นวายรกสมองอื่นๆทั้งหมด หากเพียงเราสามารถตัดกิเลสของการพยายามได้ปลาให้ได้จำนวนมากลง เพียงสักพักหนึ่งของการตกปลาในที่สวยงามเช่นนี้ จะทำให้สมองของเราตกตะกอนสงบนิ่ง เวลารอบตัวเราก็จะเดินไปอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่ง

เมื่อคิดย้อนออกไปสู่โลกที่คนส่วนใหญ่กำลังใช้ชีวิตกันอยู่อย่างสับสน, วุ่นวาย และรีบร้อนแล้ว ดูเหมือนว่าโลกนั้นจะอยู่ห่างไกลออกไปเหลือเกินราวกับเป็นจักรวาลที่ทับซ้อนขนานกันอยู่อย่างมิได้ต่อเชื่อมกัน


เราพายเรือแคนูล่องไปตามลำน้ำกว้างท่ามกลางป่าใหญ่ พระอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นพ้นยอดไม้ส่องแสงอบอุ่นไปทั่ว เสียงนกยูงร้องมาไกลๆ นอกจากนั้นและเสียงลมแล้ว ทุกอย่างรอบตัวเราช่างเงียบสงัดจนเราได้ยินเสียงเรือแหวกน้ำไปเบาๆ และเสียงหยดน้ำที่หยดลงจากพายทุกครั้งที่เรายกขึ้น

ว่ากันว่า น้ำที่หยดลงจากพายก็เหมือนจะล้างความขุ่นมัวจากหัวใจเรา

หลายวันมานี้เราไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากพายเรือล่องตามน้ำ แดดร้อนก็ลงไปแช่ เห็นที่สวยๆก็แวะพักทำอาหาร เย็นค่ำก็จอดเรือตั้งแค้มป์ อาจจะหาอาหารที่ธรรมชาติแบ่งปันมาให้บ้าง

พอมืดลงกองไฟเล็กๆก็ให้ทั้งความสว่างและอบอุ่นให้ทุกคนล้อมวงเข้ามาแบ่งปันอาหาร, เหล้าป่า และเรื่องราวที่แต่ละคนได้พบเห็นกันมา ค่ำคืนก็งดงามไปด้วยมิตรภาพที่ปราศจากการเสแสร้ง, ดาวเต็มฟ้าและเสียงของสายน้ำที่ไหลขับกล่อมทั้งคืน

แคนูแค้มปิ้งเป็นการเดินทางที่พาเราออกไปอยู่กับความสงบ ลำน้ำบางสายไหลขนานอยู่กับถนนไม่ไกลนักแต่ก็มีป่าคั่นขวางอยู่จนทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกลออกไปจากโลกที่เราคุ้นเคย หรืออาจจะไกลไปกว่านั้น

ในยามที่เรือแคนูล่องลอยไป น้ำใสรอบเรือมิเพียงสะท้อนเงาของเราและสรรพสิ่งรอบด้าน แต่หากยังสะท้อนความคิดให้แจ่มกระจ่าง ความคิดที่วุ่นวายและขุ่นมัวก็สลายไปพร้อมๆกับนำ้ที่หยดลงจากพายทุกครั้งที่ยกขึ้นเหนือน้ำ


พระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขาเยื้องไปทางขวามือ ผมวางเป้แล้วนั่งลงมองวิวสุดสายตาด้านหน้าที่เต็มไปด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อนนับไม่ถ้วน แทบไม่ต่างจากภาพที่ผมเคยเห็นเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เวลาและการเปลี่ยนแปลงที่นี่ดูจะเดินอย่างเชื่องช้ากว่าจักรวาลที่ขนานกันอยู่มาก

มองดูแล้วนึกขำยิ่งนักที่คนจากในเมืองหลายคนมักจะใช้คำว่า “พิชิต” กับขุนเขาที่เขาตะเกียกตะกายขึ้นไปได้และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีบนนั้น ทั้งๆที่ขุนเขานั้นยังมีเรื่องราวอีกมากมายทั้งที่ผ่านมาและกลายเป็นตำนานและที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป

ในป่ายังคงมีหมู่บ้านน้อยใหญ่กระจายกันอยู่ ชาวบ้านป่าล้วนจะเรียนรู้ที่จะร่วมกับป่าได้มานานมากแล้ว แต่คนเมืองอย่างผมการได้มาเดินป่าหลายๆวันให้มุมมองและความคิดที่แตกต่างจากชีวิตที่เคยอยู่ในเมืองไปมาก

ที่เชิงเขานั้น ผมนั่งสงบนิ่งอยู่นานไม่น้อย การหายใจของผมดูเหมือนจะเป็นไปอย่างสบายและเต็มปอดโดยไม่ต้องพยายาม ไม่มีอะไรที่ดูรีบร้อน ของที่จำเป็นต่อชีวิตก็เหลือเพียงไม่กี่ชิ้นที่มีติดตัว เรื่องราวที่เคยมองว่าเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ ความอยากได้อยากมีอยากเป็นที่เคยทับถมเมื่อมองจากมุมนี้ดูเหมือนจะเป็นไร้สาระสิ้นดี

ช่วงเวลานี้อาจจะเรียกว่าเวลาที่หลุดพ้น บางทีมันอาจจะเป็นเวลาที่เราหลุดพ้นสู่จักรวาลคู่ขนาน

ทฤษฎี Parallel Universe บอกว่าจะมีจักรวาลคู่ขนานเกิดขึ้น ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง หากเป็นเช่นนั้นจริงก็อาจจะมีตัวผมอีก version หนึ่งที่ยังอยู่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ทับถมอยู่ใต้เรื่องราวที่ผมมองว่าไร้สาระ อยู่ในสังคมที่แก่งแย่งสะสมกันราวกับว่าจะมีชีวิตอยู่เป็นอมตะ ในขณะที่อีก Version ที่ผมได้ไปเดินถือคันเบ็ดฟลายอยู่ตามลำธาร, พายแคนูอยู่ในลำน้ำสวย, นั่งอยู่บนยอดเขา แล้วมานั่งเขียนบทความอยู่นี้

หากเป็นเช่นนั้นจริง ทุกคนก็คงสามารถตัดสินใจที่ทำความเปลี่ยนแปลงเพื่อนำตัวเราไปสู่จุดที่เราต้องการของจักรวาลคู่ขนานได้ไม่ยากเลย แล้วแต่ว่าคุณและผมจะตั้งใจจริงแค่ไหน

ตาเกิ้น
ตาเกิ้นhttp://takern.wordpress.com
นักสำรวจ, นักเขียน และนักเล่าเรื่อง

1 COMMENT

Leave a Reply

LATEST POSTS

กบต้มน้ำร้อน

เราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการหลบอยู่ในห้องแอร์แล้วเปิดเครื่องกรองอากาศให้รอดไปวันๆครับ ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วค่อยๆทวีความรุนแรงมาเรื่อยๆ จนหลายคนเริ่มเชื่อว่ามันต้องเป็นอย่างนี้แหละ แก้ไขไม่ได้ ต้องทนต้องปรับตัวกับมันไป ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็จะเหมือนกับกบที่อยู่ในหม้อที่น้ำค่อยๆร้อนขึ้นทีละน้อยจนสุกทั้งตัวกินได้

ข้าวแช่, ร้านค้าเล็กๆ และ เศรษฐศาสตร์ “ชั่วข้ามคืน”

ที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดแสนอร่อยเจ้าประจำของผมที่เมืองประจวบ มีแผงขายข้าวแช่อยู่ คนขายเป็นคุณยายใจดี เราคุยกันทุกครั้งที่ผมแวะไป และก็สั่งข้าวแช่ของแกมากิน ครั้งนี้ก็เช่นกัน “เหลืออยู่แค่ 5 ชุด เหมาเลยมั๊ย” คุณยายถาม ครั้งนี้เรามากันหลายคนข้าวแช่ 5 ชุดจึงแทบจะแย่งกันกิน ข้าวแช่ของยาย ก็คล้ายๆกับข้าวแช่ที่หลายๆคนคุ้นเคยแถวเพชรบุรี ไม่ได้มีกับหลายอย่างประดิษประดอยแบบข้าวแช่ที่ขายกันแพงๆในเมืองกรุง เครื่องมีเพียง 2 อย่างคือลูกกระปิทอด กับปลาหวาน แต่อร่อยมากครับ ข้าวและน้ำข้าวแช่นั้นหอมมาก แกเคยเล่าให้ฟังว่าที่หอมอย่างนี้เพราะอบด้วยดอกชมนาดที่ออกดอกในช่วงหน้าแล้งอย่างนี้และต้องเก็บตอนเย็นจึงจะหอมที่สุด และยังคุยว่าข้าวแช่ของแกนั้นเคยได้รับรางวัลจากการประกวดด้วย อร่อยมาก ชุดหนึ่งไม่น้อยเลย แทบจะอิ่มได้หนึ่งมื้อ...

ของแท้ดั้งเดิม (Authenticity)

เริ่มมันเริ่มจากขณะที่เรากำลังเดินทางกลับจากแค้มป์ในทริปหนึ่ง ผู้การตู้น้องรักก็ชวนเราแวะกินข้าว “พี่ครับ แถวบ้านผมมีศูนย์อาหารเปิดใหม่ มีร้านดังๆมากมาย ขาหมูตรอกจุง, ข้าวหน้าไก่หกแยก ฯลฯ เราแวะกินกันมั๊ยครับ” เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะจุดประกายให้ผมเริ่มบทสนทนาที่คล้ายคนแก่เล่าเรื่องเก่า เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมมีร้านโจ๊กเจ้าประจำอยู่ร้านหนึ่ง อยู่หน้าโรงพยาบาลหัวเฉียว ใกล้โบ้เบ้ ผมได้กินโจ๊กร้านนี้มาตั้งแต่พ่อไปหาหมอที่นั่น นับย้อนหลังไปได้กว่า 20 ปี ร้านเป็นห้องแถวห้องเดียว อาเจ็กแกต้มโจ๊กขายหม้อเดียวในแต่ละวัน สายๆขายหมดก็เลิก บ้างวันผมมาสายก็ไม่ได้กิน ผู้คนที่แวะเวียนมาก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนในละแวกนั้น อาซ้อก็มาช่วยทำช่วยขาย ผมแวะไปกินโจ๊กทุกครั้งที่ไปแถวๆนั้น นอกจากโจ๊กของแกอร่อยมากแล้ว อาเจ็กก็เป็นกันเองมาก ต้มน้ำชาร้อนมาให้ผมจิบแก้เลี่ยนจากปาท่องโก๋ที่ผมข้ามถนนไปซื้อมา  เรานั่งคุยกันเสมอ ถามสารทุกข์สุกดิบกัน แกเคยเล่าให้ผมฟังว่าอยู่ย่านนี้มาตั้งแต่เกิด...

คุณค่าที่คลาดเคลื่อน

https://www.youtube.com/watch?v=NF2EMmR3foQ ถ้าคุณใจไม่หนักแน่นพอ ผมไม่แนะนำให้ไปเดินป่าระยะไกล 101 กิโลเมตรที่แม่เงานะครับ ในชีวิตผมเดินป่ามาก็ไม่น้อย แต่การเดินป่าติดกันยาวนาน 9 วัน มันทำให้ผมเปลี่ยนไปมากว่าที่จะคาดคิด มันอาจจะเป็นความยาวนาน อาจจะเป็นสภาพที่ดิบของป่าเขา หรืออาจจะเป็นตัวผมเองอยู่ที่สุดขอบความคิดที่สุกงอมเต็มที่ หรืออาจจะเป็นสิ่งเหล่านี้ประกอบกัน ระหว่างอยู่ในป่าก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เราก็แค่เดินไปทีละวัน มันก็แค่ไกลและหลายวันหน่อยเท่านั้น แต่มาเห็นผลตอนที่ออกจากป่ากลับมาสู่สังคมเมือง ผมพบว่าผมคุยกับใครแทบไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เรื่องภาษาหรือคำพูด แต่หากเป็นสิ่งที่อยู่ลึกอยู่ใต้การสนทนานั้น เมื่อมีคนคุยเรื่องอะไรขึ้นมาผมก็พบว่าผมไม่สนใจจะฟังเรื่องเหล่านั้น และรู้สึกได้ว่าเรื่องที่ผมอยากจะคุยอยากจะเล่าก็ไม่มีใครอยากฟัง เปิดโซเชี่ยลมีเดียขึ้นมายิ่งหนักขึ้นไปอีก เต็มไปด้วยเรื่องที่ดูแล้วกวนใจ ทนไม่ได้กับการเห็นอะไรมากมายที่ก้าวข้ามเส้นจริยธรรมเพียงเพื่อเรียกร้องความนิยม นอกจากนั้น มองไปรอบตัวเมื่อเห็นสิ่งของมนุษย์สร้างขึ้นและเรื่องราวที่สังคมปรุงแต่งขึ้นมา ล้วนแล้วแต่มองเห็นมันเป็นของปลอมๆกับเรื่องสมมุติ  อะไรที่เราเคยอยากได้อยากมี...

Most Popular

Discover more from ThailandOutdoor Netzine

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading