ยุคสมัยเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปรวดเร็ว หลายอย่างก็เปลี่ยนไปให้ชีวิตผู้คนดีขึ้น แต่บางอย่างก็เปลี่ยนไปและสูญหายอย่างน่าเสียดาย
ผมกำลังพูดถึงความกล้าที่จะใช้ชีวิตห้าวหาญ กล้าที่จะเผชิญกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ที่ดูเหมือนจะหายไปจากสังคมนี้เหลืออยู่เพียงในภาพยนต์
ในยุคนี้สมัยนี้เรามักจะมี Hero เป็นนักกีฬา, นักร้อง,ดารานักแสดง, net idol หรือเจ้าสัวที่ร่ำรวย แต่หากได้มองย้อนไปในประวัติศาสตร์กันบ้างอาจจะได้เห็นวีรบุรุษแท้ๆที่ไม่เคยปรากฎตัวในหน้าโทรทัศน์หรือ Facebook คนเหล่านี้ล้วนมีความน่าสนใจและน่าทึ่งเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความกล้าหาญ, ความเสียสละ และ ความเป็นผู้นำ
ท่านนายพล James Gavin ผู้มีฉายาว่า Jumping General นับเป็นคนหนึ่งที่โดดเด่นมากในทุกๆด้านเลยครับ เอาเป็นว่าผมจะมาเล่าให้ฟังกันอย่างย่อๆ เพียงเพื่อให้เห็นกันว่าวีรบุรุษตัวจริงนั้นมีลักษณะอย่างไรเพื่อเป็นแรงบันดาลใจกันบ้าง
ผมเร่ิมสนใจนายพล James Gavin เป็นครั้งแรกเมื่อเอาหนังสงครามเก่าๆเรื่อง A Bridge too far (ชื่อไทยว่า “สะพานนรก”) ซึ่งเป็นเรื่องการรบของพลร่มในฮอลแลนด์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กลับมาดูอีกครั้ง

ดูไปแล้วผิดสังเกตที่ว่านายพลผู้บังคับกองพลที่ 82 ของอเมริกา แสดงโดย Ryan O’neal ทำไมถึงหนุ่มนัก ใส่หมวกเหล็กและแบกปืน M1 Garand เหมือนพลทหาร แถมยังโดดร่มลงไปรบกับเยอรมันด้วย ผมคิดในใจว่าโม้ปนมั่วแน่นอน

แต่เมื่อไปค้นดูก็พบว่า ผู้บังคับกองพลท่านนั้นคือ นายพล James Gavin ผู้ซึ่งมีฉายานามว่า “Jumping General” เพราะว่าแบกปืนกระโดดร่มลงไปร่วมรบกับทหารใต้บังคับบัญชาทุกครั้ง และเป็นผู้บังคับกองพลที่มีอายุน้อยที่สุดของอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อายุเพียง 36 ปีเท่านั้น แสดงว่าหนังไม่มั่วครับ


จากนั้นก็ทำให้ผมตามไปอ่านประวัติของนายพลท่านนี้ต่อด้วยความสนใจ
James Gavin เป็นลูกกำพร้าที่ถูกเลี้ยงมาโดยพ่อแม่บุญธรรมอย่างแร้งแค้นในเหมือง จนกระทั้งอายุ 17 ปีจึงได้สมัครเข้าเป็นพลทหาร!!!! และถูกส่งไปประจำที่ปานามา
แต่ด้วยความมุ่งมั่นและขยันก็สามารถสอบคัดเลือกจากที่เป็นนายสิบให้เข้าโรงเรียนนายร้อย West Point ได้ทั้งๆที่เรียนหนังสือจบแค่ เกรด 8 (ประมาณ ม.2 ในการศึกษาบ้านเรา) เมื่อเมื่อจบมาแล้วก็ถูกส่งไปทำงานต่างๆหลายที่ แต่งานที่สำคัญมากชิ้นหนึ่งก็คือการศึกษายุทธวิธีของประเทศต่างๆและเขาเมื่อได้เห็นการใช้พลร่มของเยอรมันนีในการบุกเบลเยี่ยม เขาจึงเริ่มศึกษาเรื่องของพลร่มและเขียนคู่มือทางยุทธวิธีของกองทหารพลร่มในกองทัพอเมริกันขึ้นมาเป็นครั้งแรก
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้นในยุโรป Gavin เป็นทหารกลุ่มแรกที่เข้ารับการฝึกโดดร่มและเป็นกำลังหลักในการก่อตั้งกองทหารพลร่มของสหรัฐ ในฐานะผู้บังคับการกรม 505 ซึ่งต่อมาเป็นหน่วยที่โดดร่มเข้าสู่สมรภูมิเป็นหน่วยแรกของกองทัพสหรัฐ
Gavin สร้างหน่วยของเขาขึ้นมาจากศูนย์ ด้วยความที่เป็นหัวหน้าที่เข้มงวดและลงมือด้วยตัวเอง เขาวางแผนและฝึกอย่างหนักจนกรม 505 ได้รับการยอมรับว่าเป็นหน่วยรบที่ดีที่สุดหน่วยหนึ่งของกองทัพ ฝึกจนกระทั่งทุกคนในหน่วยถอดแบบมาจากตัวเขาที่เป็นผู้บังคับบัญชาทั้งในสนามรบและตลอดเวลา 24 ชั่วโมง

Gavin สั่งนายทหารในหน่วยว่านายทหารหน่วยนี้จะต้องเป็นคนแรกที่จะโดดออกจากเครื่องบิน และคนสุดท้ายในแถวรับอาหาร ซึ่งได้กลายมาเป็นประเพณีปฏิบัติของทหารพลร่มสหรัฐมาจนถึงวันนี้
ในการออกรบครั้งแรกของหน่วยพลร่ม 505 คือการโดดร่มลงหลังแนวข้าศึกในเมือง Sicily อิตาลี ด้วยความผิดพลาดมากมายของการบินทำให้หน่วยของ Gavin กระจายไปทั่ว และไม่สามารถรวมกันได้ Gavin รวมทหารที่เขาเจอระหว่างทางได้เพียงไม่กี่คน แม้จะไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนของแผนที่ เขาพาทหารมุ่งหน้าสู่เสียงปืน เดินข้ามวันข้ามคืนไปยังพื้นที่รบ ในที่สุดเขาและทหารเพียงประมาณ 1 หมวดก็เขายืดพื้นที่ราบสูงชื่อ Biazza Ridge ที่กั้นระหว่างกองทหารเยอรมันกว่า 700 คน พร้อมด้วยปืนใหญ่และรถถังที่กำลังเคลื่อนที่ไปถล่มกองทหารอเมริกันที่กำลังยกพลขึ้นบกที่ชายหาด
แม้จะมีกำลังทหารและอาวุธน้อยกว่ามากและโดนถล่มอย่างหนัก Gavin บอกทหารที่อยู่กับเขาทุกคนว่า เราจะไม่ถอยจากที่นี่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พลร่มที่รวมตัวกันได้ทะยอยกันเข้ามาเสริมกำลัง พวกเขาสู้ด้วยอาวุธทุกอย่างที่จะหาได้รวมทั้งปืนใหญ่ที่ยึดมาเพื่อจะยันทหารเยอรมันของเกอริ่งและรถถัง จนกระทั่งรถถังเบา 6 คัน มาเสริมพร้อมด้วยทหารทุกคนที่รวมตัวกันมาได้ไม่ว่าจะเป็น พลร่ม, engineer, คนครัว,เสมียน หรือคนขับถ Gavin ก็สั่งให้ทุกคนเข้าตีแนวของเยอรมันที่กำลังคิดว่าได้เปรียบอย่างที่ข้าศึกคิดไม่ถึงจนแตกพ่าย

การรบที่ Biazza Ridge นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น การรบที่ยอดเยี่ยมที่สุดของหน่วยรบขนาดเล็ก และเป็นการแสดงความเป็นผู้นำที่ดีที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากการรบครั้งนี้ทำให้ Gavin ได้รับเหรียญกล้าหาญและได้รับการเลื่อนยศอย่างรวดเร็ว เป็น Brigadier General (ใกล้เคียงกับ พลตรี ในกองทัพไทย) เป็นรองผู้บังคับกองพลร่มที่ 82 ด้วยอายุเพียง 36 ปี เขากลายเป็นนายพลที่อายุน้อยที่สุดในกองทัพสหรัฐหลังจาก Civil War เป็นต้นมา (เป็นรองแค่นายพลคัสเตอร์) และเป็นนายพลที่อายุน้อยที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ

เขาได้ชื่อเล่นว่า Jumping Jim เพราะเขาร่วมการโดดร่มเข้าสนามรบกับทหารของเขาทุกครั้ง สู่สมรภูมิโหดทุกอันในยุโรปตั้งแต่ Salerno อิตาลี่, วัน D-Day ที่ Normandy ฝรั่งเศษ, Operation Market Garden ใน ฮอลแลนด์ (ในภาพยนต์ A bridge too far) และการเข้ายันการบุกโต้กลับของเยอรมันใน Battle of Bulge
จิมจะเป็นคนแรกที่กระโดดออกจากเครื่องบินลำหน้าสุด เพื่อนำทหารของเขาลงสู่สมรภูมิ เขาจะแต่งตัวเหมือนทหารพลร่มปรกติ,สวมหมวกเหล็ก และสะพายปืนเล็กยาว M1 Garand เหมือนกับที่ทหารของเขาใช้แทนที่จะใช้ปืนสำหรับนายทหารที่กระบอกเล็กกว่า

ลักษณะที่โดดเด่นของ Gavin คือการเป็นผู้นำโดยทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง หลายต่อหลายครั้งหลังจากที่โดดร่มลงถึงพื้น เขาจะออกไปเสี่ยงนำทหารในแนวหน้าทั้งที่เสี่ยงต่อกระสุนของข้าศึก เพื่อเป็นตัวอย่างกระตุ้นทหารหนุ่มๆที่กำลังดีใจจากการที่เพิ่งรอดตายจากการโดดร่มลงมาให้ลุกขึ้นสู้
นับครั้งไม่ถ้วนที่ Gavin จะออกหน้า, ออกไปลาดตระเวณร่วมกับทหาร, วิ่งฝ่ากระสุนจากหลุมเพาะหนึ่งไปสู่อีกหลุ่มหนึ่ง เพื่อตรวจดูทหารใต้บังคับบัญชา บางคนอาจจะคิดว่าการกระทำเสี่ยงๆนั้นเป็นเรื่องโง่ แต่ Gavin ไม่เคยลังเล เพราะเขาเชื่อว่ามันคือเรื่องจำเป็นที่ผู้บังคับบัญชาที่ดีจะต้องทำ

มีเรื่องเล่าจากทหารในกองพล 82 ว่าระหว่างการรบครั้งหนึ่ง เขาได้ยินเสียงตะโกนบอกว่า
“ทหาร กดตูดลง ก่อนที่แกจะถูกยิง”
เขาหันไปเห็น ทหารพลร่มคนหนึ่งยืนเด่นล่อเป้าอยู่ไม่ไกล จึงตะโกนสวนไปว่า
“เอ็งก็ควรจะกดตูดลงด้วยนะ”
หลังจากการยิงกันจบเขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาตะโกนด่านายพล Gavin ผู้ที่ยิ้มให้เขาเมื่อพบหน้ากันอีกครั้ง
หลังจากนั้น Gavin ได้เลื่อนเป็นผู้บังคับกองพลที่ 82 และกลายเป็น Major General ที่อายุน้อยที่สุดของกองทัพสหรัฐตราบถึงทุกวันนี้
งานแรกในฐานะผู้บังคับกองพล คือการนำทหารโดดร่มลงในฮอลแลนด์ ตามแผนปฏิบัติการ Market Garden ที่สัมพันธมิตรหวังจะบุกรวดเดียวให้ถึงเยอรมัน (ในภาพยนต์ A bridge too far) โดยมีแผนให้พลร่มหน่วยต่างๆลงไปยึดสะพานตลอดทางแล้วส่งกองทัพรถถังของอังกฤษลุยเข้าไปตามถนน

Gavin บาดเจ็บจากโดดร่มลงกระแทก แม้จะบาดเจ็บหนักที่มาพบภายหลังว่ากระดูกซี่โครงหัก 2 ซี่ เขาก็รวบรวมพลร่มใต้บังคับบัญชาเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมาคือเข้ายึดสะพานข้ามแม่น้ำ Waal และแม่น้ำ Mass และอีกหลายคลองในบริเวณนั้นด้วยการปฏิบัติการที่ดุเดือดหลายครั้งรวมทั้งการที่ต้องส่งทหารพายเรือข้ามไปยึดสะพานให้ได้

หลังจากที่ยึดสะพานได้ทั้งหมด กองพล 82 ก็ถูกล้อมโจมตีอย่างหนัก ถึงแม้จะบาดเจ็บตั้งแต่วันแรก แต่ Gavin ไม่เคยหยุดพัก เขาวิ่งพล่านไปทั่วแนวรบเพื่อตรวจสถานการณ์, ออกคำสั่ง และให้กำลังใจ เขาแทบจะไม่ได้นอน หรือถ้าจะได้นอนบ้างก็นอนอยู่เคียงข้างทหารของเขาในหลุมเพาะ

ปฏิบัติการ Market Garden ล้มเหลว ส่วนหนึ่งเพราะการวางแผนที่มั่นใจเกินไปประกอบกับกองทัพรถถังอังกฤษเคลื่อนที่เข้ามาช้ากว่าที่นัดมาก ทำให้พลร่มที่เข้าไปยึดสะพานโดนบดขยี้แหลกในหลายจุด แต่การปฏิบัติการของกองพล 82 และ Gavin ได้รับยกย่องว่าทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด
หลังจากนั้นกองพลที่ 82 และ Gavin ต้องเจอสมรภูมิโหดอีกครั้งเมื่อกองทัพเยอรมันรวบรวมกำลังเพื่อตีโต้กลับเป็นครั้งสุดท้าย
ทหารพลร่มเพียง 2 กองพลถูกส่งอย่างรีบด่วนเข้าไปในเบลเยี่ยมเพื่อเป็นหัวหอกยับยั้งการเคลื่อนพลของเยอรมัน

ด้วยกำลังที่น้อยกว่าอาวุธที่เป็นรอง กองพลที่ 82 สู้ขาดใจท่ามกลางอากาศที่หนาวทารุณของเดือนธันวาคมในสมรภูมิที่ชื่อว่า Battle of the Bulge ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นสมรภูมิที่นองเลือดที่สุดที่กองทัพบกอเมริกันต้องเจอในสงครามโลกครั้งที่สอง
ตลอดเวลากว่า 2 เดือนในสนามรบโหดท่ามกลางฤดูหนาวที่ทารุณของยุโรป ไม่มีสักวันที่ทหารไม่ได้เห็นนายพล Gavin ของเขาออกไปร่วมเสี่ยงตายอยู่ที่แนวหน้า

เมื่อมีคนถาม Gavin เพียงพูดง่ายๆว่า “ไม่มีอะไรจะทดแทนการให้ทหารเห็นนายพลของเขาในแนวรบได้”


หลังสงคราม Gavin เป็นผู้ที่จัดการรวมกองพันพลร่มทหารผิวดำที่ 555 เข้ามาสู่กองพลที่ 82 เขาได้ชื่อว่าเป็นนายพลที่ “ตาบอดสี” ที่สุดในกองทัพอเมริกา
Gavin รับหน้าที่ในตำแหน่งสูงในกองทัพอีกหลายที่รวมไปถึงการวางแผนและพัฒนากองทัพเคลื่อนที่เร็วยุคใหม่ที่ใช้เฮลิคอปเตอร์ซึ่งกลายเป็นยุทธวิธีที่กองทัพใช้ในยุคต่อมา
ขณะที่เป็นผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสนามรบ แต่ Gavin ไม่ชอบการเมือง เขาแสดงความคิดเห็นอย่างทหารและตรงไปตรงมา ซึ่งหลายครั้งขัดแย้งกับผู้มีอำนาจทางการเมือง
เขาแสดงความห้าวหาญและยืนหยัดต่อการเป็นตัวตนของเขาเป็นครั้งสุดท้ายในกองทัพเมื่อถูกแต่งตั้งให้รับตำแหน่งใหญ่เป็นผู้บัญชาการกองทัพที่ 7 เหนือภาคพื้นยุโรปทั้งหมด แต่นั้นเป็นการแต่งตั้งเพื่อให้ Gavin พ้นออกไปจากสิ่งที่เขากำลังขัดขวางนักการเมืองอยู่
เขาไม่รับตำแหน่ง และลาออกด้วยการเกษียณจากกองทัพโดยกล่าวว่า
“ผมจะไม่ยอมผิดหลักการของผม และผมจะไม่ยอมตามระบบที่เพนตากอนพยายามสร้างขึ้น”
นายพล James Gavin ได้รับ 20 เหรียญกล้าหาญ ซึ่งในนั้นมี 2 เหรียญจากรัฐบาลฝรั่งเศษ, 1 เหรียญจากรัฐบายเบลเยี่ยม และ 1 เหรียญจากรัฐบาลเนเธอแลนด์
การเป็นผู้นำของ Gavin นั้นถูกบรรยายโดยผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้ร่วมรบกับเขาว่า คือการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง, ออกแนวรบด้านหน้าเพื่อ ตรวจสอบ, ออกคำสั่ง, และให้กำลังใจทหารของเขาตลอดเวลาโดยไม่รู้จักเหนื่อยและไม่มีคำว่ากลัวตาย เขากินนอนร่วมอยู่กับทหารพลร่มของเขาตลอดเวลาไม่เคยใช้ยศเรียกร้องความสะดวกสบายอะไรทั้งสิ้น
เขาเสียชีวิตด้วยวัย 82 ปี เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1990 หลังจากได้ใช้ชีวิตอย่างห้าวหาญและน่านับถือ
คุณล่ะได้ใช้ชีวิตที่ห้าวหาญสมกับที่ได้เกิดมาบ้างหรือยัง