Friday, April 19, 2024
HomeOutdoor GearChoosing Equipmentรองเท้าเดินป่า

รองเท้าเดินป่า

-

เมื่อจะออกไปเดินป่า ผมจะนึกถึงของสำคัญสองอย่างก่อนสิ่งใด นั่นคือเป้และรองเท้า

ในความคิดของผม(คนที่ไม่ได้เก่งกาจแต่ตกระกำลำบากมาแล้วไม่น้อยครั้งจนได้บทเรียนมากมาย) สองอย่างนี้เป็นของที่จะตัวชี้ว่าการเดินป่าของคุณจะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์

_DSC1335

ในขณะที่เป้ดีๆ รองเท้าดีๆที่เหมาะสมกับการใช้งานจะทำให้การเดินป่าของคุณรื่นรมณ์ เดินจู๋จี๋กัน ชมนกชมไม้ ดูอะไรก็สวยก็งามไปหมด

แต่ถ้าเป้คุณไม่ดี รองเท้าไม่เหมาะสมแล้วละก้อ ฮ่ะฮ่า หนังคนละม้วน จากหนังรักจะกลายเป็นหนังเศร้าเคล้าน้ำตาเลยในทันที ทุกย่างก้าวของคุณจะเป็นไปด้วยความทุกข์ทรมาน เจ็บไหล่ปวดหลัง จะวางเท้าแต่ละทีคิดแล้วคิดอีกเพราะมันเจ็บ เดินไปก็นึกด่าตัวเองไปว่าตูมาทำไมเนี่ย

เรื่องเป้ได้อ่านกันมาหลายครั้งแล้ว (ใครยังไม่ได้อ่านเชิญที่นี่ครับ) ครั้งนี้มาดูเรื่องรองเท้ากันบ้างครับ

คำถามที่ผมได้รับบ่อยมากจากเพื่อนๆคือ “จะไปเดินป่าใช้รองเท้าแบบไหนดีครับ(ค่ะ) ใช้รองเท้าวิ่ง รองเท้ากีฬาได้มั๊ยครับ(ค่ะ)”

คำตอบที่ผมมักจะให้ก็จะเป็นในเชิงเปรียบเทียบครับ สิ่งที่อธิบายได้ชัดเจนเห็นภาพมากที่สุดก็คือเรื่องรถยนต์ครับ

เรามีรถยนต์มากมายหลายแบบให้เลือกให้เหมาะกับการใช้งาน คำตอบของผมเรื่อง “รองเท้าวิ่ง” ไปเดินป่าก็คือ “มันเหมือนคุณเอารถ Toyota Vios เข้าไปวิ่งในทางป่าละครับ” จะเอาไปก็ได้แต่ผลออกมาก็ไม่ต่างกัน

shoe2

รองเท้าแต่ละแบบก็เหมือนรถยนต์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานในลักษณะแตกต่างกัน ในพื้นที่ที่ต่างกัน น้ำหนักบรรทุกที่ต่างกัน นิ่มนวลนั่งสบายต่างกัน

รองเท้ากีฬาส่วนใหญ่รวมทั้งรองเท้า Trail Running ที่คนมักจะทึกทักเอาว่าใกล้เคียงกับรองเท้าเดินป่านั้น ออกแบบมาให้รับน้ำหนักตัวคนเปล่าๆ ที่มีการลงน้ำหนักในท่าวิ่ง บนพื้นที่ค่อนข้างเรียบ ไปจนถึงขรุขระบ้าง ซึ่ง จากเป้าหมายนี้ก็จะทำให้รองเท้าในกลุ่มนี้ถูกออกแบบมาเหมาะกับการวิ่งซึ่งจะต้องมีน้ำหนักเบา พื้นยกสูงทางด้านส้นเท้าและพื้นดอกยางค่อนข้างเรียบ อ่านแค่นี้ก็คงจะเห็นภาพแล้วใช่มั๊ยครับว่าเงื่อนไขการใช้งานแตกต่างกันมากและรองเท้าชนิดนี้ก็ไม่ได้เหมาะกับการเดินป่าเลย

shoe3
พื่นรองเท้า Trail Running ออกแบบให้มีน้ำหนักเบาและรับแรงกระแทกจากท่าวิ่ง

คราวนี้ลองมาดูรองเท้าเดินป่าบ้างว่า เขาออกแบบมาเพื่อการใช้งานแบบไหน การเดินป่าเราจะต้องเจอกับพื้นทุกรูปแบบตั้งแต่ทางดิน, โคลน, กรวด, หินก้อนเล็กก้อนใหญ่, ทางน้ำ, ทางขึ้นทางลง, ทางราบทางชัน ไปจนถึงการปีนป่าย ซึ่งทำให้การออกแบบรองเท้าเดินป่านี้แตกต่างจากรองเท้าแบบอื่นๆพอควร

เริ่มจากพื้นก่อนเลยครับ(ภาษารองเท้าเรียกส่วนพื้นว่า Outsole)  เช่นเดียวกับรถ 4X4 แท้ๆที่จะต้องใช้ยางดอกใหญ่เพื่อการยึดเกาะที่ดีในสภาพพื้นที่ที่เป็นโคลนเลน ดอกยางพื้นของรองเท้าเดินป่าจะต้องออกแบบให้ผู้เดินสามารถส่งแรงผลักเพื่อเดินไปข้างหน้าได้โคยไม่ลื่นถอยกลับหรือลื่นแฉลบออกซ้ายขวา ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีกก็คือดอกยางจะต้องออกแบบให้ Self-Cleaning คือให้โคลนที่ติดรองเท้าหลุดออกง่ายด้วย

 

Shoe4
พื้นของรองเท้าเดินป่าออกแบบให้มีร่องลึกเพื่อการจับยึดพื้นผิวทุกรูปแบบ แข็งแรงทนทานต่อการใช้งานหนัก

 

ส่วนสำคัญอีกส่วนของพื้นรองเท้าเดินป่าคือ ร่องด้านหน้าของส้นรองเท้าครับ ร่องนี้คือเบรคที่จะช่วยให้เรายั้งตัวได้ในทางลงที่อาจจะเป็นทางดินหรือเละเป็นโคลนเลน ส่วนนี้สังเกตดูได้ครับว่าในรองเท้ากีฬามักจะไม่มีส่วนนี้ครับ

shoe5
ร่องที่ส้นเท้าของรองเท้าเดินป่าช่วยทำหน้าที่เบรกเมื่อเราต้องเดินลง

เนื้อยางพื้นของรองเท้าเดินป่าก็จะเป็นการพบกันของความเหนียวที่จะยึดเกาะกับพื้นผิวลื่นกับความทนทาน (ซึ่งมักจะสวนทางกัน) เพราะเราต้องใช้ได้ในพื้นที่ทุกแบบและใช้ได้บนเส้นทางยาวนาน วัสดุเนื้อยางดีๆก็จะทำได้ทั้งสองอย่างคือทั้งเหนียวและทั้งทน

ถ้าพื้นล่างหรือ Outsole เปรียบเทียบเหมือนยางรถ ส่วนกลางหรือ Midsole ก็เปรียบได้กับช่วงล่างของรถยนต์

รองเท้าเดินป่านั้นออกแบบมาให้รับน้ำหนักตัวคนบวกกับของที่ต้องแบกไปในท่าเดิน(ไม่ใช่วิ่ง) ในเส้นทางที่อาจจะขรุขระไปถึงขรุขระมาก จึงต้องเน้นความแข็งแรงและการรับน้ำหนักเหมือนกับช่วงล่างของรถ 4X4 ที่ต่างจากช่วงล่างของรถสปอร์ตหรือแม้กระทั่งรถเก๋ง

ในเส้นทางที่ขรุขระเป็นหินลอยมากๆนั้น ถ้าเราใส่รองเท้าที่พื้นนิ่มเกินไป เราจะระบมเท้าอย่างมาก เพราะฝ่าเท้าจะรับแรงกดแรงบิดทุกย่างก้าว ดังนั้น Midsole ของรองเท้าเดินป่านั้นจะแข็งไปจนถึงแข็งมากขึ้นกับชนิดของรองเท้า รองเท้าเดินป่าเกรดดีๆสำหรับใช้งานหนักอาจจะใช้วัสดุหลายชนิดที่คุณสมบัติต่างๆกันมาประกอบกันเข้าเป็นสองสามชั้นเพื่อให้แข็งแรงลดการกดแต่มีส่วนที่นุ่มรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้

Shoe6a Shoe6b

ขยับขึ้นไปถึงส่วนบนของรองเท้าที่เรียกว่า Uppersole ซึ่งก็เปรียบเทียบได้กับตัวถังของรถ รองเท้าเดินป่าก็แตกต่างกับรองเท้าแบบอื่นๆมากเช่นกันครับ เพราะเวลาที่เดินป่า เราจะต้องเดินอยู่ในอุปสรรคมากมาย เช่นก้อนหิน, ตอไม้, น้ำ ดังนั้นส่วนบนของรองเท้าเดินป่าจึงจะต้องปกป้องเท้าเราให้อยู่รอดได้ตลอดเส้นทางอันยาวไกล (มีเรื่องเรากันว่าชาวป่าบางเผ่าเขาให้ความสำคัญกับเท้ามากกว่าอย่างอื่นในระหว่างการเดินทางถึงขนาดนอนเอาเท้าไปรวมกันใต้หลังคาเลยทีเดียว)

เพื่อปกป้องเท้า ด้านบนของรองเท้าเดินป่าจะมีการเสริมกันกระแทกทั้งด้านนิ้วเท้า ด้านข้างและที่ส้นเท้า นอกจากนี้ยังจะต้องมีส่วนที่ปกป้องข้อเท้าแต่ให้ข้อเท้าสามารถขยับเคลื่อนไหวได้ด้วย อันนี้สำคัญมากครับ คือต้องกระชับแต่ไม่แน่นจนเกินไปและมีจุดหมุนให้ข้อเท้าสามารถขยับตัวได้ ส่วนนี้จะมาจากการออกแบบตั้งแต่ทรงของรองเท้า, การออกแบบระบบสายรัดให้กระจายแรงจากเชือกไปให้ทั่วรองเท้า

shoe7
ตัวรองเท้าเดินป่าที่ดีจะแข็งแรงมากเพื่อปกป้องเท้าจากการบาดเจ็บ แต่จะมีจุดหมุนเพื่อให้ข้อเท้าขยับได้ในท่าเดิน
Shoe8
รองเท้าเดินป่าที่ออกแบบมาดีจะช่วยกระจายแรงจากเชือกผูกให้รัดรองเท้ากระชับเข้ากับเท้า

การออกแบบให้ด้านในของรองเท้าให้รองรับและเข้ารูปเท้าได้ดีก็มีผลมากต่อการใส่สบายของรองเท้าเป็นอย่างมากครับ ส่วนที่รับส้นเท้า (heel counter) ถ้าออกแบบมาดีก็จะช่วยลดการขยับตัวของส้นเท้าที่จะถูกับรองเท้าซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการที่เราเรียกกันว่ารองเท้ากัด หรืออาจจะเจ็บเมื่อเดินไกลๆ เรื่องการดูรูปทรงภายในนี้ไม่สามารถอ่านจากสเป็ครองเท้าได้ครับ ต้องลองใส่ แต่บางทีลองในระยะเวลาสั้นๆก็อาจจะบอกความแตกต่างไม่ได้ คำแนะนำเดียวที่พอให้ได้ก็คือควรจะให้ความเชื่อถือกับบริษัทที่มีความชำนาญในการทำรองเท้าเดินป่าเป็นพิเศษครับ บริษัทเหล่านี้จะเข้าใจลักษณะการใช้งานของรองเท้าเดินป่าเป็นอย่างดีและให้ความสำคัญกับเรื่องรูปทรงของเท้าเป็นอย่างมาก และนอกจากจะมีขนาดรองเท้าตามปรกติแล้ว มักจะมีรองเท้าสำหรับคนเท้ากว้าง, เท้าแคบหรือรูปทรงอื่นๆให้เลือกอีกด้วย

IMG_4474
การออกแบบรองเท้าเดินป่าให้เข้ากับรูปเท้าเป็นความชำนาญของบริษัทที่ทำรองเท้าเดินป่าโดนเฉพาะ ซึ่งจะมีรายละเอียดที่แตกต่างไปจากรองเท้ากีฬา, รองเท้าแตะลุยน้ำ และอย่างอื่นๆมาก

รองเท้าคุณสมบัติของ Uppersole นอกเหนือจากการปกป้องเท้าแล้วก็คือการระบายอากาศที่จะช่วยลดความชื้นและความร้อนในรองเท้าระหว่างที่เดินได้ รองเท้าเดินป่าชั้นดีมักจะมี Uppersole ที่กันน้ำแต่สามารถระบายอากาศได้ซึ่งส่วนใหญ่คือการใช้วัสดุ Gore-Tex เป็นชั้นในของรองเท้า

shoe10

นอกจากนี้ยังมีส่วนของโครงสร้างวิธีการผลิตที่จะทำให้รองเท้าเดินป่าใช้งานหนักได้อย่างทนทาน วิธีหนึ่งที่นิยมใช้กันในรองเท้าเดินป่าชั้นดีก็คือ การเย็บที่เรียกว่า Lasted Construction ซึ่งก็คือการดึงวัสดุของ uppersole ลงมาคลุมพื้นด้านในของรองเท้าแล้วเย็บติดด้วยจักร(ไม่ใช่ติดกาวเพียงอย่างเดียว) ซึ่งจะทำให้ได้รองเท้าที่แข็งแรงอยู่ทรงแม้จะใช้งานหนักและวัสดุด้านนอกไม่หลุดร่อนออกจากตัวรองเท้าแบบที่เคยเจอกัน

Shoe11
การตัดเย็บแบบ Lasted Construction จะทำให้ได้รองเท้าเดินป่าที่แข็งแรงอยู่ทรงและทนทานกว่าการติดกาวแบบธรรมดาๆมาก

เมื่อเข้าใจคุณสมบัติต่างๆกันพอสมควรแล้ว ลองมาดูประเภทของรองเท้าเดินป่าที่เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละอย่างกันดูบ้างครับ ผมขอจัดประเภทของรองเท้าเดินป่าออกเป็น 4 ประเภทหลักๆตามนี้ครับ

  1. Light Hiking คือการเดินป่าแบบเบาๆ ที่มักจะเดินบนเส้นทางที่ปรับค่อนข้างเรียบ อาจจะแบกเป้ขนาดเบาๆหรืออาจจะไม่ได้แบกเป้เลย มักจะเป็นการเดินทางสั้นในวันเดียว หรือทริปสั้นๆ 2-3 วัน

รองเท้าที่ใช้สำหรับงาน Light Hiking ก็เปรียบได้กับรถ SUV อย่าง Honda CRV, Subaru XV ที่เน้นการใช้งานที่หลากหลาย ใช้ในเมืองก็ได้ ทางไกลก็ได้ ทางป่านิดหน่อยก็ยังได้ไม่ได้ลุยกันหนักๆ

shoe12
Asolo Reston รองเท้า Light Hiking ใส่สบายๆทั้งในเมืองและเดินป่าเบาๆ

รองเท้าในกลุ่มนี้จะเน้นที่น้ำหนักเบาคล่องตัว พื้นรองเท้าให้ตัวได้มากใส่สบาย ลายดอกยางไม่ลึกนักเพราะไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้ในพื้นที่เละเทะหรือขรุขระแต่พื้นยางยึดเกาะผิวทางเรียบได้ดี คงเห็นแล้วนะว่าคล้ายกับรถ SUV มากๆ

2. Hiking กลุ่มนี้คือรองเท้าที่ออกแบบมาให้ใช้เดินป่าอย่างจริงจัง ในเส้นทางที่อาจจะขรุขระมีโคลนเลน ออกแบบให้รองรับน้ำหนักสัมภาระที่อาจจะอยู่บนหลังคนใส่พอสมควร

DSC09644

รองเท้ากลุ่มนี้ก็เปรียบเทียบได้กับรถ 4X4 ส่วนใหญ่ในตลาดรถครับ ที่จะต้องขับเคลื่อนในเส้นทางหฤโหดได้ มีช่วงล่างแข็งแกร่งต่อการใช้งานหนัก แต่ไม่ได้ออกแบบมาให้บรรทุกสัมภาระมากมาย ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้เดินทางยาวไกลกันเป็นเดือนๆ

shoe13
Asolo Drifter รองเท้าเดินป่าที่ดีที่สุดคู่หนึ่งที่ผู้เขียนเคยได้ใช้มา

รองเท้าในกลุ่มนี้จะมีพื้นที่แข็งแรงขึ้นมี uppersole ที่เสริมความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องเท้าจากการเดินบนทางขรุขระ มีลายดอกยางที่ใหญ่ที่สามารถยึดเกาะและเดินไปบทเส้นทางขรุขระและโคลนเลนได้ดี

IMG_4478

3. Backpacking กลุ่มนี้คือรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานหนักบนเส้นทางยาวไกลและหฤโหด รวมทั้งออกแบบมาให้รับน้ำหนักมากๆของสัมภาระที่ต้องติดตัวไปในทริปที่ยาวนาน เหมือนกับรถ 4×4 ที่เอามาตกแต่งเป็นพิเศษสำหรับใช้ในการสำรวจเส้นทางทรหดข้ามทวีป

landrover-camel-11

Shiraz
Asolo Shiraz รองเท้า Backpacking แท้ๆหนึ่งในไม่กี่รุ่นที่มีขายในบ้านเรา รูปร่างโฉบเฉี่ยวเหมือนรถสปอร์ตอิตาลี่ แต่แข็งแรงเหมือนรถถัง
TPS 520
Asolo TPS520 รองเท้า backpacking ทรง Classic ที่เป็นรองเท้าขายดีที่สุดคู่หนึ่งในอเมริกา

พื้นรองเท้าชนิดนี้จะแข็งแรงมาก ถ้าลองจับงอหรือบิดดูจะรู้สึกเลยว่าแทบจะไม่บิดตัว วัสดุยางที่ใช้ก็จะต้องเน้นความทนทานต่อการใช้งานที่ยาวนานและยาวไกลไม่สึกง่ายๆ midsole ก็จะใช้วัสดุพิเศษเพื่อรองรับแรงกระแทกและน้ำหนัก บางครั้งอาจจะมีการใช้วัสดุที่แตกต่างกันหลายๆแบบใน midsole เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และแน่นอน Uppersole ก็เสริมความแข็งแกร่งเต็มที่เพื่อปกป้องเท้าบนเส้นทางที่ยาวไกล

IMG_4485
พื้น Midsole ของรองเท้า Backpacking จะแข็งแรงมาก และมักจะทำจากวัสดุหลายชนิดที่มีคุณสมลัติต่างกันในส่วนต่างๆของเท้า

4. Mountaineering รองเท้าชนิดนี้คือรองเท้าที่ออกแบบมาสำหรับการเดินทางที่อาจจะต้องมีการปีนเขา ซึ่งมันก็คือรองเท้า Backpacking ที่เสริมความแข็งแรงสำหรับการใช้งานหนักขึ้นไปอีกขั้น พื้นรองเท้าที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับการปีนป่ายและมีจุดยึดเพื่อให้สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ crampon สำหรับปีนหินหรือน้ำแข็งได้

Elbrus
Asolo Elbrus รองเท้า Mountaineering ซึ่งก็คืออีขั้นของรองเท้า backpacking ที่สามารถใส่ Crampon ได้
Crampon
Crampon สำหรับเดินในน้ำแข็งและปีนป่ายหินลื่น

เราพูดกันมายืดยาว ตั้งแต่ความสำคัญของรองเท้าเดินป่าที่เหมาะสม, คุณลักษณะของรองเท้าเดินป่า และมาจนถึงการเลือกประเภทของรองเท้าเดินป่าที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละประเภทไปแล้ว

_DSC1334

เช่นเดียวกับการเปรียบเทียบที่รถเป็นตัวอย่างในตอนแรกของบทความละครับ ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งานได้

ลองดู VDO อันนี้ประกอบนะครับ น่าจะช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้นครับ

หวังว่าคงจะช่วยให้คุณเลือกรองเท้าคู่กายได้อย่างถูกใจนะครับ

Asolo_Banner
ดูรายละเอียดรองเท้า Asolo รองเท้าเดินป่าพันธุ์แท้จาก Italy ได้ที่นี่
ตาเกิ้น
ตาเกิ้นhttp://takern.wordpress.com
นักสำรวจ, นักเขียน และนักเล่าเรื่อง

14 COMMENTS

  1. ขอบคุณค่ะอย่างหนูขึ้นพวกดอยเชียงดาว
    ดอยในไทยนี่ใช้แบบไหนดีค่ะ

  2. อ่านคำแนะนำพบว่ามีประโยชน์มากค่ะ สงสัยต้องได้ซื้อ Asolo รุ่น Drifter เป็นรองเท้าเดินป่าคู่แรกในชีวิตเลยนะคะ กำลังจะไปเดินป่าครั้งแรกค่ะ เดี๋ยวจะไปหาอ่านการเลือกเป้ต่อนะคะ ไม่ทราบว่า Thailand Outdoor มีหน้าร้านที่ไหนคะ จะได้ไปดูสินค้าค่ะ

    • ถ้าเดินป่าบ่อยๆ เหมาะที่สุดก็ Asolo Drifter ครับ ถ้าเดินป่าไม่บ่อยนักแต่ต้องการรองเท้าใส่สบายๆด้วยก็ Asolo Reston ครับ

  3. ถ้าไปปีนฟูจิ ผู้หญิงจะแนะนำแบบไหนดีค่ะ

Leave a Reply to ตาเกิ้นCancel reply

LATEST POSTS

ข้าวแช่, ร้านค้าเล็กๆ และ เศรษฐศาสตร์ “ชั่วข้ามคืน”

ที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดแสนอร่อยเจ้าประจำของผมที่เมืองประจวบ มีแผงขายข้าวแช่อยู่ คนขายเป็นคุณยายใจดี เราคุยกันทุกครั้งที่ผมแวะไป และก็สั่งข้าวแช่ของแกมากิน ครั้งนี้ก็เช่นกัน “เหลืออยู่แค่ 5 ชุด เหมาเลยมั๊ย” คุณยายถาม ครั้งนี้เรามากันหลายคนข้าวแช่ 5 ชุดจึงแทบจะแย่งกันกิน ข้าวแช่ของยาย ก็คล้ายๆกับข้าวแช่ที่หลายๆคนคุ้นเคยแถวเพชรบุรี ไม่ได้มีกับหลายอย่างประดิษประดอยแบบข้าวแช่ที่ขายกันแพงๆในเมืองกรุง เครื่องมีเพียง 2 อย่างคือลูกกระปิทอด กับปลาหวาน แต่อร่อยมากครับ ข้าวและน้ำข้าวแช่นั้นหอมมาก แกเคยเล่าให้ฟังว่าที่หอมอย่างนี้เพราะอบด้วยดอกชมนาดที่ออกดอกในช่วงหน้าแล้งอย่างนี้และต้องเก็บตอนเย็นจึงจะหอมที่สุด และยังคุยว่าข้าวแช่ของแกนั้นเคยได้รับรางวัลจากการประกวดด้วย อร่อยมาก ชุดหนึ่งไม่น้อยเลย แทบจะอิ่มได้หนึ่งมื้อ...

ของแท้ดั้งเดิม (Authenticity)

เริ่มมันเริ่มจากขณะที่เรากำลังเดินทางกลับจากแค้มป์ในทริปหนึ่ง ผู้การตู้น้องรักก็ชวนเราแวะกินข้าว “พี่ครับ แถวบ้านผมมีศูนย์อาหารเปิดใหม่ มีร้านดังๆมากมาย ขาหมูตรอกจุง, ข้าวหน้าไก่หกแยก ฯลฯ เราแวะกินกันมั๊ยครับ” เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะจุดประกายให้ผมเริ่มบทสนทนาที่คล้ายคนแก่เล่าเรื่องเก่า เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมมีร้านโจ๊กเจ้าประจำอยู่ร้านหนึ่ง อยู่หน้าโรงพยาบาลหัวเฉียว ใกล้โบ้เบ้ ผมได้กินโจ๊กร้านนี้มาตั้งแต่พ่อไปหาหมอที่นั่น นับย้อนหลังไปได้กว่า 20 ปี ร้านเป็นห้องแถวห้องเดียว อาเจ็กแกต้มโจ๊กขายหม้อเดียวในแต่ละวัน สายๆขายหมดก็เลิก บ้างวันผมมาสายก็ไม่ได้กิน ผู้คนที่แวะเวียนมาก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนในละแวกนั้น อาซ้อก็มาช่วยทำช่วยขาย ผมแวะไปกินโจ๊กทุกครั้งที่ไปแถวๆนั้น นอกจากโจ๊กของแกอร่อยมากแล้ว อาเจ็กก็เป็นกันเองมาก ต้มน้ำชาร้อนมาให้ผมจิบแก้เลี่ยนจากปาท่องโก๋ที่ผมข้ามถนนไปซื้อมา  เรานั่งคุยกันเสมอ ถามสารทุกข์สุกดิบกัน แกเคยเล่าให้ผมฟังว่าอยู่ย่านนี้มาตั้งแต่เกิด...

คุณค่าที่คลาดเคลื่อน

https://www.youtube.com/watch?v=NF2EMmR3foQ ถ้าคุณใจไม่หนักแน่นพอ ผมไม่แนะนำให้ไปเดินป่าระยะไกล 101 กิโลเมตรที่แม่เงานะครับ ในชีวิตผมเดินป่ามาก็ไม่น้อย แต่การเดินป่าติดกันยาวนาน 9 วัน มันทำให้ผมเปลี่ยนไปมากว่าที่จะคาดคิด มันอาจจะเป็นความยาวนาน อาจจะเป็นสภาพที่ดิบของป่าเขา หรืออาจจะเป็นตัวผมเองอยู่ที่สุดขอบความคิดที่สุกงอมเต็มที่ หรืออาจจะเป็นสิ่งเหล่านี้ประกอบกัน ระหว่างอยู่ในป่าก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เราก็แค่เดินไปทีละวัน มันก็แค่ไกลและหลายวันหน่อยเท่านั้น แต่มาเห็นผลตอนที่ออกจากป่ากลับมาสู่สังคมเมือง ผมพบว่าผมคุยกับใครแทบไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เรื่องภาษาหรือคำพูด แต่หากเป็นสิ่งที่อยู่ลึกอยู่ใต้การสนทนานั้น เมื่อมีคนคุยเรื่องอะไรขึ้นมาผมก็พบว่าผมไม่สนใจจะฟังเรื่องเหล่านั้น และรู้สึกได้ว่าเรื่องที่ผมอยากจะคุยอยากจะเล่าก็ไม่มีใครอยากฟัง เปิดโซเชี่ยลมีเดียขึ้นมายิ่งหนักขึ้นไปอีก เต็มไปด้วยเรื่องที่ดูแล้วกวนใจ ทนไม่ได้กับการเห็นอะไรมากมายที่ก้าวข้ามเส้นจริยธรรมเพียงเพื่อเรียกร้องความนิยม นอกจากนั้น มองไปรอบตัวเมื่อเห็นสิ่งของมนุษย์สร้างขึ้นและเรื่องราวที่สังคมปรุงแต่งขึ้นมา ล้วนแล้วแต่มองเห็นมันเป็นของปลอมๆกับเรื่องสมมุติ  อะไรที่เราเคยอยากได้อยากมี...

คุ้มครองแต่ไม่เคยให้คุณค่า ตอน นกกรงหัวจุก

ผมเฝ้ามองการโต้เถียงกับเรื่องนกกรงหัวจุกหรือนกปรอดหัวโขน ระหว่างฝ่ายผู้เลี้ยงนกและ “นักอนุรักษ์” มาพักใหญ่แล้วในเรื่องว่า จะให้นกกรงหัวจุกคงอยู่ในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองหรือจะปลดออก หลายคนคงมองว่านี่เป็นความขัดแย้งที่หาทางออกไม่ได้ แต่ผมกลับมองว่าถ้าเราเปิดใจมองร่วมกันและยอมรับวิธีคิดใหม่ๆ (ที่ประเทศอื่นเขาทำกันมานานแล้ว) เรื่องของนกกรงหัวจุกอาจจะเป็นโอกาสเปลี่ยนแปลงให้การอนุรักษ์ของประเทศนี้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้องเสียทีนะครับ ก่อนจะเข้าเรื่องนกกรงหัวจุก ผมขอเล่านิทานให้ฟังสักเรื่องหนึ่งก่อน อย่าเพิ่งเบื่อ อย่าเพิ่งมองว่ามันไม่เกี่ยวกันนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า พี่น้องสองคนทะเลาะกันเพราะแย่งส้มผลสุดท้ายในบ้าน ถึงขั้นตบตีกัน เสียงดังไปถึงแม่ แม่พยายามเจรจาให้แบ่งกันคนละครึ่งลูกก็ไม่มีใครยอม ต่างคนต่างบอกว่าต้องใช้ทั้งลูก นานเข้าพ่อที่นั่งเล่นของเล่นอยู่ทนรำคาญเสียงไม่ได้ จึงเดินมาแยกลูกสาวทั้งสองที่เริ่มจะจิกหัวฟัดกันให้ตายไปข้างหนึ่ง แล้วถามรายละเอียด บอกพ่อหน่อยว่าจะเอาส้มไปทำอะไร  คนพี่สาวก็บอกว่าจะทำแยมส้ม ส่วนน้องสาวบอกจะทำน้ำส้ม เมื่อคุยกันเช่นนี้พ่อก็ปอกเปลือกส้มให้ลูกสาวคนโตไปทำแยม แล้วก็เอาเนื้อส้มให้ลูกสาวคนเล็กไปคั้นน้ำ ลงตัวไปได้ทั้งสองคน ส่วนพ่อก็เอาเมล็ดส้มไปปลูกไว้ข้างบ้านต่อไปจะได้ไม่ต้องแย่งส้มผลสุดท้ายกันอีก นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าเราคุยกันดีๆมันจะมีทางออกที่ไม่ต้องมีคนแพ้คนชนะ แต่มันจะมองไม่เห็นเวลาทะเลาะกันจนหน้ามืด ใครยังไม่ได้ติดตามข่าวยังไม่รู้เรื่องความขัดแย้งของนกกรงหัวจุก...

Most Popular

Discover more from ThailandOutdoor Netzine

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading