รูปที่เห็นข้างบนนี้เป็นรูปที่ผมถ่ายผู้หญิงชาวมอญคนหนึ่งกับลูกๆของเธอ ดูแล้วก็เป็นรูปที่แสนจะธรรมดามากๆ และถ้าไม่บอกก็คงจะไม่ใครคาดเดาได้ว่ามันกลับเป็นรูปที่มีคุณค่าทางใจมากที่สุดสำหรับผมเมื่อเทียบกับบรรดารูปทั้งหมดที่ผมได้มีโอกาศไปถ่ายที่สังขละบุรี เป็นรูปที่ทำให้ผมรู้สึกหัวใจพองโตเมื่อมารู้ภายหลังว่ามันทำให้ผู้หญิงชาวมอญคนหนึ่งที่เป็นแม่คนมีความสุขมากๆ และทุกครั้งที่ดูรูปนี้ก็จะรู้สึกดีกับตัวเอง รู้สีกดีที่ได้ไปเจอและได้มีโอกาศได้ทำบางอย่างที่มีคุณค่าทางใจให้กับผู้หญิงที่เป็นแม่คนคนหนึ่งที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน
เป็นรูปที่ถ่ายที่งานทอดกฐินที่วัดสมเด็จ สังขละบุรี วันนั้นเป็นวันที่ชาวมอญที่อาศัยอยู่ในสังขละบุรีต่างร่วมแรงร่วมใจพากันไปทำบุญงานทอดกฐินที่วัด ที่ผมรู้ว่าวัดสมเด็จจะมีงานทอดกฐินวันนั้นก็เพราะว่าประมาณเจ็ดวันก่อนหน้านั้น ผม แม่มะลิและมะลิไปเดินเล่นที่สะพานไม้แล้วได้ไปเจอและรู้จักมักคุ้นกับมัคคุเทศก์น้อยสองพี่น้องที่น่ารักและน่าเขกหัว “พลอย สะพานมอญ” กับ “มอส สะพานมอญ” (แม่มะลิคือคนใกล้ชิดผมและเป็นหม่าหม๋าของมะลิ ส่วนมะลิเป็นหมาลาบราดอร์ของผมที่ตามไปเที่ยว งงไหมเอ่ย) มัคคุเทศก์น้อยทั้งสองชวนและรบเร้าให้พวกเราไปเที่ยวและถ่ายรูปที่วัดสมเด็จ พวกเขาบอกว่าพวกเราต้องไปงานทอดกฐินนี้ให้ได้เพราะจะมีชาวบ้านแต่งตัวใส่ชุดมอญสวยๆไปทำบุญที่วัดกันเยอะมากตั้งเช้า
ด้วยความที่เป็นคนชอบดูวิถีชีวิตชาวบ้านอยู่แล้ว วันนั้นผม แม่มะลิและมะลิไปถึงวัดสมเด็จตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ว่าไปแล้ววันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่พวกเราจะอยู่ที่สังขละบุรีเมื่อคราวที่ไปทริปสังขละบุรีครั้งนั้น พวกเราตั้งใจแวะมาที่วัดตอนช่วงเช้าแล้วพอประมาณเที่ยงๆบ่ายๆก็จะขับรถไปพักที่เมืองกาญจน์หนึ่งคืนก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ
วันนั้นชาวบ้านต่างพร้อมใจกันแต่งตัวใส่ชุดมอญสวยๆมาทำบุญที่วัดกันเยอะเลย ได้เห็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวมอญที่อยากเห็นสมใจ ผู้คนยิ้มแย้มและต่างก็ทาหน้าด้วยแป้งมอญจนนวลขาว ผมรู้สีกสนุกกับการเดินถ่ายรูปในวันนั้นมาก บางช่วงก็มีการหยุดถ่ายรูปบ้างเพราะชาวบ้านที่นี่มีน้ำใจและไมตรี เห็นผมเดินถ่ายรูปอยู่บนศาลา รู้ว่าผมเป็นคนต่างถิ่น กลัวว่าผมจะหิวเลยหมั่นแวะเวียนกันมาชวนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มให้ไปนั่งร่วมวงกินข้าวกับพวกเขาอยู่บ่อยๆ ถึงแม้อาหารที่พวกเขาทานในวงกินข้าวส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นๆและอาหารของชาวมอญที่ผมไม่เคยทานและไม่คุ้นปากแต่ก็รู้สึกดีใจที่ได้ไปนั่งร่วมวงทานข้าวและพูดคุยกับพวกเขา ชาวบ้านที่นี่น่ารักมาก
เวลามันช่างผ่านไปเร็วมาก เผลอแป๊บเดียวก็เกือบเที่ยงวันแล้ว ตอนนั้นกำลังจะต้องตัดใจเดินออกจากวัดเพื่อพาแม่มะลิและมะลิไปทานข้าวที่ร้านอาหารตรงซุ้มปลายสะพานไม้ฝั่งสามประสบเพราะนัดเลี้ยงข้าวกลางวันมัคคุเทศก์น้อยสองพี่น้อง“พลอย สะพานมอญ” กับ “มอส สะพานมอญ” ไว้ตอนเที่ยงเพื่อเป็นการร่ำลาพวกเขา ปรากฎว่าก่อนจะตัดใจเดินออกจากวัดก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินยิ้มเข้ามาให้ถ่ายรูป จำได้ว่าตอนนั้นผมกำลังจะถ่ายรูปเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่ ตอนที่กำลังจะกดชัตเตอร์ปรากฎว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นก็พลันกระโดดเข้ามาอยู่ในเฟรมรูปที่กำลังจะถ่าย ผมเลยหยุดและมองดู เออ เด็กทั้งสองหน้าตาเหมือนกันเลยนี่ อ๋อเป็นฝาแฝด
คราวนี้ไม่รอช้า รีบถ่ายรูปฝาแฝดคู่นี้ไว้ทันที ตอนนั้นแม่มะลิมาตามและบอกว่าใกล้เที่ยงแล้วไปกันได้แล้ว ขณะที่กำลังจะเก็บกล้องใส่เป้แล้วเดินตามแม่มะลิออกไปจากวัดอยู่นั้น มีผู้หญิงชาวบ้านและเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับเด็กฝาแฝดที่ผมเพิ่งถ่ายรูปไปเมื่อสักครู่ เด็กผู้หญิงเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดว่าน้องๆสองคน (ฝาแฝด) เพิ่งไปบอกแม่หนูว่าลุงได้ถ่ายรูปน้องหนูสองคนนี้ แม่หนูเลยอยากดูรูปที่ลุงเพิ่งถ่ายเอาไว้ ผมก็เลยยื่นรูปหนูน้อยฝาแฝดที่หลังกล้องให้คนที่เป็นแม่ดู คนที่เป็นแม่เห็นแล้วก็ยิ้มชอบใจ หันไปคุยกับเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นภาษามอญซึ่งผมฟังไม่รู้เรื่อง สักพักเด็กผู้หญิงคนนั้นก็หันมาบอกผมว่าแม่หนูเห็นรูปที่ลุงถ่ายน้องสองคนแล้วชอบมาก แม่หนูอยากจะขอให้ลุงช่วยถ่ายรูปแม่กับน้องๆของหนูทั้งหมดจะได้ไหม แม่หนูบอกว่าแม่ยังไม่เคยมีรูปที่ถ่ายกับน้องๆทั้งหมดเลย ผมก็บอกได้สิ จากนั้นก็บอกให้คนที่เป็นแม่และลูกๆของเธอทั้งสี่คนมานั่งเรียงแถวถ่ายรูป ตอนนั้นผมรีบถ่ายรูปคนที่เป็นแม่และลูกๆของเธอจนลืมดูทิศทางของแสงและองค์ประกอบไปเลย
พอถ่ายรูปคนที่เป็นแม่และลูกๆของเธอแล้ว ก็เอารูปที่หลังกล้องยื่นให้คนที่เป็นแม่ดู พอเห็นรูปที่ถ่ายจากหลังกล้อง คนที่เป็นแม่ยิ้มแก้มปริเลย แล้วหันไปพูดเป็นภาษามอญกับลูกสาวคนโต ลูกสาวคนโตบอกว่าแม่หนูชอบมากอยากได้รูปที่ลุงถ่าย ลุงจะคิดตังค์ค่ารูปก็ได้ บ้านหนูอยู่เลยเขตวัดตรงนั้นไปนิดเดียวเอง ว่าแล้วก็ชี้นิ้วไปยังทิศทางที่เธอพยายามบอก พร้อมกับพูดว่าเดี๋ยวหนูจะพาลุงไปที่บ้านของหนูลุงจะได้รู้ว่าบ้านหนูอยู่ตรงไหน ผมบอกเด็กผู้หญิงที่เป็นลูกสาวคนโตไปว่า ลุงไม่คิดตังค์ค่ารูปหรอก แต่จะให้ลุงเอารูปไปให้ที่บ้านคงไม่ได้หรอก เพราะลุงกำลังจะกลับกรุงเทพตอนนี้แล้ว คงต้องรอให้ลุงกลับไปกรุงเทพและอัดรูปให้เสร็จเรียบร้อยก่อน อัดรูปเสร็จแล้วลุงจะรีบส่งรูปมาให้ที่บ้านหนูทางไปรษณีย์ ว่าแล้วก็พยายามบอกให้ลูกสาวคนโตเขียนที่อยู่บ้านของเธอให้ผม แต่ไม่ว่าจะพยายามอธิบายให้ทั้งคนที่เป็นแม่และลูกสาวคนโตฟังกี่ครั้งก็ดูเหมือนทั้งสองคนจะยังไม่ค่อยเข้าใจ เด็กผู้หญิงที่เป็นลูกสาวคนโตก็ยังพูดอยู่ซ้ำๆว่าบ้านอยู่ตรงนั้น สักพักก็เลยพอเดาได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คงยังเขียนภาษาไทยไม่ได้ หรือเป็นไปได้ว่าที่บ้านยังไม่มีเลขที่บ้าน เลยไม่รู้จะเขียนที่อยู่ให้ผมยังไง คิดอยู่สักพักว่าจะทำอย่างไรดี และแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าจะต้องทำอย่างไร ว่าแล้วก็พาทั้งคนที่เป็นแม่และลูกๆของเธอเดินขึ้นไปบนกุฎิพระ
โชคดีที่เดินขึ้นไปบนกุฎิพระแล้วไปเจออุปนายกคนหนึ่งนั่งอยู่กับพระอาจารย์ ก็เลยเล่าให้ทั้งพระอาจารย์และอุปนายกคนนั้นฟังว่าคนที่เป็นแม่คนนี้อยากให้ผมส่งรูปมาให้ทางไปรษณีย์แต่ที่บ้านของเธอไม่มีบ้านเลขที่ ก็เลยอยากจะขอรบกวนส่งรูปมาให้ทางท่านอุปนายกหรือพระอาจารย์แล้วขอให้ท่านอุปนายกหรือพระอาจารย์ช่วยส่งรูปต่อให้กับคนที่เป็นแม่คนนี้เพราะเห็นลูกสาวคนโตคนนี้บอกว่าบ้านอยู่ใกล้กับวัดนิดเดียวเอง ท่านอุปนายกก็ใจดี บอกว่าแกรู้ว่าบ้านของคนที่เป็นแม่และลูกๆนี้อยู่ที่ไหน ท่านอุปนายกบอกว่าได้สิแล้วจะช่วยจัดการให้ ว่าแล้วท่านอุปนายกก็เขียนที่อยู่บ้านของแกให้กับผม
วันนั้นผมก็เลยเดินออกจากวัดไปด้วยจิตใจที่อิ่มเอิบ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆเลยที่ได้ทำให้คนที่เป็นแม่คนหนึ่งได้มีความสุข คนที่เป็นแม่มีความสุขเพียงเพราะรู้ว่าอีกไม่นานแกจะได้มีรูปที่แกได้ถ่ายร่วมกับลูกๆทุกคนเก็บไว้ดูที่บ้าน คนที่เป็นแม่อยากมีรูปที่ถ่ายกับลูกๆทุกคนมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีใครมาถ่ายรูปให้ และไม่รู้ว่าจะทำยังไง
พอเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพ วันรุ่งขึ้นผมรีบไปที่ร้านถ่ายรูปที่เมืองทองธานีสั่งอัดรูปสามใบที่เห็นในบทความนี้รวมทั้งรูปลูกๆของคนที่เป็นแม่ที่ผมถ่ายไว้ก่อนหน้านั้นด้วย สั่งอัดรูปขนาด 6 x 8 อัดทั้งภาพสีและภาพขาวดำอย่างละชุด
วันนั้นผมนั่งรอรับรูปที่ร้านเลย ใจมันร้อนอยากได้รูปเร็วๆ พอได้รูปแล้วก็รีบนั่งรถไปที่ห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ไปเดินหาซื้อกรอบรูปขนาด 6 x 8 พอหาซื้อกรอบรูปได้แล้วก็รีบตรงไปที่ทำการไปรษณีย์ที่อยู่ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จัดการส่งรูปทั้งหมดทาง EMS ไปให้คนที่เป็นแม่และลูกๆของเธอที่สังขละบุรี พร้อมทั้งเขียนข้อความกำกับไปให้ท่านอุปนายกให้ช่วยเอารูปไปส่งให้คนที่เป็นแม่ เขียนเบอร์โทรศัพท์มือถือของผมไว้ในข้อความและขอให้ช่วยโทรมาบอกด้วยเมื่อได้ส่งรูปให้คนที่เป็นแม่แล้ว
หลังจากที่ได้จัดการส่งรูปทาง EMS ที่ไปรษณีย์เรียบร้อยแล้วผมรู้สึกโล่งและสบายใจมากๆเพราะได้ทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับเด็กผู้หญิงและคนที่เป็นแม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้เจ้าหน้าที่ที่ไปรษณีย์จะบอกว่า EMS น่าจะไปถึงสังขละบุรีภายในเย็นของวันรุ่งขึ้นแต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่แน่ใจว่ารูปจะถูกส่งไปถึงมือคนที่เป็นแม่เมื่อไรวันไหน
ด้วยความที่มีเรื่องที่ต้องทำหลายเรื่อง เช้าวันรุ่งขึ้นก็เลยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท แต่แล้วตอนเย็นของวันรุ่งขึ้นนั้นมีคนโทรเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือ ผมรีบรับสาย ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงพูด แต่ฟังไม่ค่อยได้ยิน ฟังไม่รู้เรื่องว่าเด็กผู้หญิงพูดอะไรเพราะตอนนั้นผมกำลังเดินอยู่กลางถนนมีรถวิ่งผ่านไปผ่านมาเสียงดังมาก
ตอนนั้นไม่ได้เอ่ะใจเลยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะโทรมาจากสังขละบุรี เมื่อฟังไม่รู้เรื่องผมก็เลยกดวางสายไป สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีก ผมก็รีบรับสายอีกแต่ก็ยังฟังไม่ค่อยจะได้ยินอีก ก็เลยกดวางสายไปอีก เป็นอย่างนี้อีกประมาณสามครั้ง จนสุดท้ายนึกเอ่ะใจขึ้นมาได้ว่าน่าจะเป็นเด็กผู้หญิงโทรมาจากสังขละบุรี ก็เลยถามไปว่าหนูโทรมาจากสังขละบุรีใช่ไหม มีเสียงเด็กผู้หญิงตอบกลับมาว่าใช่ค่ะ แล้วบอกว่าแม่ของหนูให้หนูโทรมาบอกลุงว่าได้รับรูปที่ลุงส่งมาแล้ว แม่หนูดีใจมาก แม่หนูบอกให้หนูโทรมาบอกลุงว่าแม่หนูมีความสุขมากๆเลยที่ได้เห็นรูปที่ลุงส่งมา
ได้ยินแค่นั้นผมก็หัวใจพองโต ดีใจที่ทำให้คนที่เป็นแม่คนคนหนึ่งมีความสุข