พื้นที่ตรงนั้นถูกขนาบข้างไปด้วยโรงแรมหรู หากแต่ภาพที่ผมมองเห็นนั้นแตกต่างกันอย่างมาก
พื้นที่ๆหลายคนอาจจะเรียกว่าที่รกร้าง เต็มไปด้วยต้นตาลและต้นมะพร้าวที่ยืนต้นตระหง่าน บอกให้รู้ว่าพวกมันอยู่มานานนับสิบๆปี
พี่สาวท่านหนึ่งที่กำลังเดินเก็บบางอย่างจากพื้นหันมายิ้มกับผม รอยยิ้มที่ใสและจริงใจนั้นทำให้ผมกล้าที่จะเดินเข้าไปคุย เมื่อถามว่าพี่เขาเก็บอะไรก็ได้คำตอบที่น่าทึ่ง
“เก็บเม็ดตาล เอาไปเพาะ พอมันขึ้นมาก็ไปขายเป็นจาวตาล”
พี่ผู้ขายอีกคนเดินแบกกระสอบยิ้มมาแต่ไกล แล้วก็เสริมขึ้น “ลูกตาลออกเยอะมาก เก็บสดขายก็ได้ เก็บไม่ทันมันตกลงมาก ก็เก็บไปขายได้ เขาเอาไปทำขนมตาล บางส่วนก็เอาไปเลี้ยงวัว ลูกตาลนี่วัวกินแล้วอ้วนดี”เมื่อผมถามว่าที่ตรงนี้ใครเป็นเจ้าของ คำตอบก็เป็นตามที่ผมคาด
“อ้อ คนกรุงเทพมาซื้อไว้หมดแล้ว เห็นว่าเขาจะสร้างคอนโด เจ้าของเดิมเขาขายย้ายไปปลูกบ้านอยู่บนที่ดอน เชิงเขาโน่นกันหมดแล้ว ที่มันแพงมาก ใครจะนั่งทับเงินอยู่ไหวละ”หาดทรายข้างหน้านั้นเป็นหาดที่ยังคงเป็นธรรมชาติ ลาดลงไปจากป่ามะพร้าวดงตาล ในขณะที่สองข้างล้วนเป็นโรงแรมหรูที่สร้างเขื่อนคอนกรีตที่ยื่นล้ำลงไปในทะเลนับสิบเมตร “ที่รกร้าง”ผืนนี้มีความงดงามอย่างประหลาด ที่ว่าประหลาดก็เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าโรงแรมหรูข้างๆนั้นกลายเป็นสิ่งแปลกปลอม

แต่ความงามนี้ก็คงจะเหลืออยู่ให้ชื่นชมได้ไม่นานนักด้วยกระแสการสร้างคอนโดบ้านตากอากาศที่ทำให้ที่ดินติดชายทะเลราคาแพงลิบลิ่ว ต้นตาลและดงมะพร้าวก็คงเป็นเพียงสิ่งรกตาและไร้ค่า
น่าแปลกนักที่เราพยายามหนีห่างออกมาจากเมือง มาชื่นชมความงามของทะเล แต่กลับพยายามที่จะสร้างสระน้ำใหญ่ ทะเลเทียมยื่นลงไปในทะเล แล้วขึ้นไปอาศัยอยู่บนตึกสูงเหมือนบ้านที่เมืองใหญ่ สร้างสิ่งที่เรา “คุ้นเคย” และ “หนีออกมาให้ห่าง” ลงไปแทนที่ความงามของธรรมชาติที่เราออกมาค้นหา
อาจเป็นเพียงว่าเรามองเห็นคุณค่าเป็นตัวเลขตารางวามากกว่าความงดงามตามธรรมชาติ
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเราจะต้องดั้นด้นออกไปค้นหาไข้วขว้าธรรมชาติไกลออกไปเรื่อยๆ และไม่มีทางเจอหากเราไม่ได้เปลี่ยนความคิดนี้
“อีก 3-4 ปีก็คงไม่มีเหลือแล้วต้นตาลน่ะ ตัดปลูกตึกปลูกโรงแรมกันหมด น่าจะเหลือไว้บ้างนะ มีต้นไม้อย่างนี้มันร่มเย็นดี ไม่ร้อน” พี่ชายคนนั้นกล่าวก่อนเราจะเดินแยกจากกันไป ผมก็ได้แต่เพียงพยักหน้าเห็นด้วย เพราะผมเองก็มาเดินอยู่ในดงตาลนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว
ผมก็ได้แต่ฝันว่าจะมีผู้มีสายตาแหลมคมและการเงินที่มั่งคั่งมาสร้างที่พักหรูเป็นห้องเล็กๆกระจายอยู่ใต้ร่มตาล และยังคงสภาพความงามของท้องถิ่นอย่างที่มันเคยเป็นไว้ให้เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มองหาธรรมชาติที่หาไม่ได้ในบ้านเขา แทนที่จะสร้างสิ่งที่เหมือน “บ้านของเขา”ให้มาพักอยู่กัน
ไม่เช่นนั้น เราจะหนีไปให้ไกลถึงไหนกัน