Tuesday, December 16, 2025
Homeชีวิตและการเดินทางช่วงเวลางดงามของชีวิตกลางแจ้ง

ช่วงเวลางดงามของชีวิตกลางแจ้ง

-

ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนร้าน Outdoor ที่ผู้คนรู้จักกันกว้างขวาง ผมนับว่าล้มเหลวอย่างมาก

ที่เอาถุงนอนขนห่านอย่างดีไปนอนเปียกน้ำค้างจนชุ่ม ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าถุงนอนขนห่านนั้นดีทุกประการแต่มันกลัวน้ำกลัวเปียก เอาเต็นท์น้ำหนักเบาไปด้วยแต่ไม่กาง กลับเอามาคลุมตัวหวังกันน้ำค้างไม่ให้เปียกถุงนอน แต่ก็ไม่ช่วยอะไร

แต่ในฐานะคนกลางแจ้งคนหนึ่ง ผมว่าคืนนั้นผมก็ใช้ได้อยู่นะ

ผมมีเพียงแผ่นรองนอนและถุงนอนอยู่ข้างๆ กองไฟ ข้างหน้าคือผาหินอลังการของดอยม่อนจอง ในมุมที่น้อยคนนักจะได้เคยเห็น รอบตัวคือป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยไม้ใหญ่หนาทึบและสรรพสัตว์อยู่ในหุบเขาลึกลับ ความอบอุ่น, กลิ่นหอมและแสงวอมแวมของกองไฟสร้างความอบอุ่นทางใจให้กับคนนอนป่า เสียงสนทนาของมิตรสหายแว่วมาเบาๆ จับใจความพอได้ว่าพ่อหลวงกำลังเล่าเรื่องตำนานของสันเขาและป่าแห่งนี้ ไม่นานนักผมก็หลับไปด้วยความเพลียที่เดินกันมาสองวัน

กลุ่มนักเดินทางนั่งรอบกองไฟในป่า มีกระท่อมหลังเล็กตั้งอยู่ด้านข้าง บรรยากาศบริเวณขุนเขาในยามค่ำคืน มีดาวเต็มฟ้าประดับอยู่เหนือศีรษะ
ความอบอุ่น, กลิ่นหอมและแสงวอมแวมของกองไฟสร้างความอบอุ่นทางใจให้กับคนนอนป่า เสียงสนทนาของมิตรสหายแว่วมาเบาๆ
ภาพถ่ายกลางคืนของคนที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าภายใต้ท้องฟ้าซึ่งประดับไปด้วยดวงดาว มีภูเขาและพุ่มไม้ในเบื้องหลัง
ภาพนี้น้องเกตุถ่ายไว้ตอนที่ออกมาดูกลางดึกว่าผมยังมีชีวิตอยู่มั๊ย

ผมตื่นลืมตาขึ้นมาอีกครั้งกลางดึกเพราะเสียงเก้งร้องไม่ไกลจากแค้มป์  พระจันทร์คืนวันเกือบเต็มดวงขึ้นมาจากหลังหน้าผานั้น ส่องสว่างไปทั้งหุบเขา   ผมนอนมองและเฝ้าฟังเสียงทุกอย่างที่เป็นไปรอบตัว แม้จันทร์จะขึ้นจนกระจ่างฟ้า แต่บนผืนดินที่มืดสนิทเช่นนี้เราก็ยังสามารถเห็นดาวได้ไม่น้อย ผมรับสัมผัสได้ถึงลมที่พัดมาเบา เสียงแมลงและเสียงของป่าที่ดังอยู่รอบไปหมด ผมนอนดู รับรู้ความงดงามรอบตัวนั้น และอยากจะสัมผัสมันให้นานที่สุด แต่ไม่นานก็หลับไปอีก

อาจจะตีสามหรืออาจจะใกล้ตีสี่ น้ำค้างหนักมากจนถุงนอนผมชุ่มไปหมด พระจันทร์ตกไปแล้วแต่เมื่อลืมตาขึ้นมาผมก็พบกับดาวเต็มฟ้ามากมายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน หน้าผายังคงอยู่ข้างหน้าตรงนั้นเป็นเงาที่ยังพอเห็นได้จากแสงดาว 

ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว สะท้อนความงดงามของธรรมชาติ บริเวณรอบข้างมืดสนิท มีเงาของภูเขาอยู่ด้านล่าง
เงาผาใต้แสงดาว

ผมนอนมองภาพนั้นอยู่พักใหญ่น่าจะเป็นชั่วโมง แสงสีส้มก็เรืองขึ้นที่ขอบฟ้าทางขวามือ ดาวเริ่มหายไป เสียงของป่าเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง วันใหม่ของป่าเริ่มขึ้นแล้ว

ทุกครั้งเมื่อมีคนถามว่าทำไมต้องออกมาเดินป่าผมต้องหยุดคิดอยู่นาน และคำตอบของผมก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนพยายามหาข้อแก้ตัว จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่ผมเริ่มมีคำตอบที่คิดว่าใช่

ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้กองไฟในป่า มีเต็นท์และถุงนอนวางอยู่บนพื้นหญ้า ด้านหลังเป็นภูเขาและท้องฟ้าสีฟ้าในช่วงเช้า
แสงเรืองที่ขอบฟ้าของเช้าวันใหม่

บางครั้งเราเดินป่ากันหลายสิบ หรืออาจจะเป็นร้อยกิโลเมตร โดยที่ไม่รู้ว่าเดินไปหาอะไร คนส่วนหนึ่งอาจจะเดินเพื่อค้นหาความงามเพื่อบันทึกลงภาพถ่าย บางคนเพื่อพิสูจน์ เพื่อพิชิต หรือแม้แต่เพื่อเอาไปอวดกัน แต่นั่นผมคิดว่าเขากำลังอยู่ในกระบวนการเรียนรู้

สำหรับผมแล้ว การเดินป่าคือการค้นหาช่วงเวลาเช่นนี้ สิ่งที่เราเรียกมันว่า “ช่วงเวลาที่งดงามของชีวิตกลางแจ้ง” “A beautiful moment of Outdoor Life” ซึ่งอาจจะแตกต่างออกไปในมุมความคิดของแต่ละคน

ช่วงเวลาที่เราได้สงบนิ่ง ไร้ตัวตน เป็นส่วนหนึ่งกับสิ่งรอบข้าง สิ่งที่คนทั่วไปเรียกมันว่าธรรมชาติ ช่วงเวลาที่ความคิดของเรามีแต่ความงดงาม 

เราจะพบช่วงเวลาเช่นนี้ได้เมื่อเราเข้าใจ และเปิดรับ มันอาจจะซ่อนอยู่ในเส้นทางเดินยาวไกลที่จะพาเราไปให้พ้นความซิวิไลย์ หลุดออกไปจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งในรูปวัตถุและกรอบความคิด หรือมันอาจจะซ่อนอยู่ริมลำธารใกล้ๆหมู่บ้านที่ไหนสักแห่ง

เช้าวันนั้นผมตื่นขึ้นมาด้วยใจที่เต็มไปด้วยพลัง ผมมีความมุ่งมั่นและความเข้าใจถึงหน้าที่ที่ต้องทำ ผมจะต้องทำให้ผู้คนสักส่วนหนึ่งได้สัมผัสกับความงดงามเช่นนี้ และในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างเส้นทางเดินป่าเช่นนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนที่รักป่าดูแลป่าอย่างบ้านห้วยไม้หก

แต่กระนั้นมันก็มาพร้อมกับความกังวลใจในทางโลกสองอย่างคือ หนึ่งคือถุงนอนขนห่านสุดที่รักของผมจะพังมั๊ย (สรุปว่ามันไม่พังครับ สลัดๆ น้ำ แล้วตากแดดสักหน่อยก็รอดแล้ว ของดีๆ มันเป็นอย่างนี้ครับ) 

ข้อสองคือคำพูดของน้องๆ ที่ร้าน “พวกหนูเข้าใจนะว่าพี่ชอบนอนกลางแจ้งดูดาว ตากน้ำค้าง แต่ถ้าพี่จะทำ ไม่ต้องออกสื่อได้มั๊ย ที่ร้านเราขายเต็นท์ค่ะพี่” 

ตาเกิ้น

7 ธันวาคม 2568

หมายเหตุ: เส้นทางเดินป่าบ้านห้วยไม้หกนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจความเป็นไปได้ โดยเป็นการร่วมมือกันของชุมชนห้วยไม้หก, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย และมูลนิธิสืบนาคะเสถียร โปรดรอติดตามข่าวดีเร็วๆนี้

ตาเกิ้น
ตาเกิ้นhttp://takern.wordpress.com
นักสำรวจ, นักเขียน และนักเล่าเรื่อง

Leave a Reply

LATEST POSTS

ของหวานที่ดีต่อใจ

ขนมน้ำแข็งใส “หวานจาก เค็มเคย” ถ้วยเดียว เราไม่เพียงจะได้ชิมรสชาติที่หวานผสมเค็มอย่างกลมกล่อมแตกต่าง แต่ค่าขนมของเรายังถูกส่งต่อไปอุดหนุนแหล่งผลิตอาหารพื้นบ้านที่กำลังจะสูญหายไปถึง 5 ชุมชน ใน 4 จังหวัด เป็นการทำอะไรดีๆด้วยการกินของอร่อย โดยที่ไม่ต้องออกแรงเดินทางไปไกลเลย เพราะมีคนลงแรงไปทำแทนเราแล้ว ขณะที่สังคมไทยหมุนวนอยู่กับความขัดแย้งทางการเมืองที่ถกเถียงกันทุกเรื่องยกเว้นที่จะแย่งกันทำให้ความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น ในเบื้องหลังเงียบๆ มีคนตัวเล็กๆ ร้านขนมเล็กๆ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเหลือชุมชนที่มีมรดกทางอาหารล้ำค่าของประเทศเราให้คงอยู่ได้ด้วยการเพิ่มคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นและพยายามแปรรูปออกมาให้คนเมืองอย่างเราเข้าถึงได้ง่ายขึ้น “หวานจาก เค็มเคย”  คือตัวอย่างที่ดี ในขนมแสนอร่อยถ้วยเดียวนี้มีส่วนผสมของน้ำเชื่อมดอกจากของบ้านขนาบนาก จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ให้รสหวานแบบกลมกล่อมเพราะเจือเอาความเค็มนิดๆมากจากน้ำกร่อยในถิ่นกำเนิดของมันมาด้วย ลูกจากที่มาจากฉะเชิงเทรา โมจิทำด้วยข้าวฝ่างจากสกลนคร...

คุณอยากให้ผู้คนจำคุณได้แบบไหน

คุณอยากให้ผู้คนจำคุณได้แบบไหน ผมอยากได้แบบนี้ วันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา วงการตกปลา Fly Fishing และคนรักการใช้ชีวิตกลางแจ้ง ได้สูญเสีย บุคคลที่เป็นตำนานไปอีกหนึ่งคน Flip Pallot

ธรรมชาติชายขอบ กุญแจดอกสำคัญของการฟื้นฟูธรรมชาติ

บทความเสนอแนวทางฟื้นฟูธรรมชาติผ่านการแก้ไข พรบ.สวนป่า ให้สามารถปลูกไม้ยืนต้นได้ในพื้นที่เกษตรกรรม เช่นที่ สปก. และ คทช. โดยมีการสร้างพื้นที่ป่าชายขอบเพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพและสร้างรายได้ให้เกษตรกร ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและกระตุ้นการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน

Alaska ความทรงจำที่งดงามจะอยู่ตลอดไป

ผมกับภรรยาเคยได้ไปอลาสก้ากันเมื่อ 30 ปีก่อน เราไปกันแค่ 2 คนเพราะตอนนั้นลูกชายยังเล็กมากและลูกสาวยังไม่ได้เกิด เราเล่าให้ลูกๆฟังมาตลอดถึงความงดงามของธรรมชาติ, ความกว้างใหญ่ของแผ่นดินที่ยังคงดิบอยู่, ความหนาวเย็น หรือแม้กระทั่งยุงที่ตัวโตและเยอะราวกับจะดูดเลือดเราได้หมดตัว ฯลฯ เราคุยกันเรื่องไปอลาสก้ามาร่วมสิบปี แต่ยังไม่ได้ไปเพราะความไม่พร้อมในเรื่องเวลา และเรื่องอื่นๆ แต่เมื่อเวลาเนิ่นนานมา เราก็รู้สึกว่าโอกาสที่จะเที่ยวกันทั้งครอบครัวสี่คนน่าจะยากมากขึ้นเรื่อย หรืออาจจะไม่มีอีกแล้ว  เราจึงไปอลาสก้ากัน ในวันปรกติ เราทั้ง 4 คนแม้จะใกล้ชิดกัน แต่ลูกทั้งสองก็เป็นหนุ่มเป็นสาว ถึงเวลาที่มีชีวิตของตัวเอง มีความชอบที่แตกต่าง  ดังนั้นการที่ได้เดินทางและอยู่ด้วยกันยาวนานถึง 17 วันในทริปนี้จึงเป็นอะไรที่พิเศษมากสำหรับความสัมพันธ์ของครอบครัวเรา เราได้ไปพบกับตามงดงาม, ธรรมชาติแบบดิบๆ,​...

Most Popular

Discover more from ThailandOutdoor Netzine

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading