ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและเป็นคนที่สนใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวบ้านเลยเลือกไปใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่ใกล้ๆชาวเขาเผ่ามูเซอดำที่บ้านขอบด้งอยู่สิบวัน จริงๆแล้วไม่ได้ถึงกลับไปอยู่กินนอนกับพวกเขาหรอกแต่พอดีคุณเจตน์ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านเขาทำที่พักรีสอร์ทอยู่ติดกับหมู่บ้านเลยได้ไปใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับชาวเขาเผ่ามูเซอดำที่นั่น
บ้านขอบด้งเป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอดำที่มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ลาหู่ (Lahu) อยู่บนดอยอ่างขางตรงเขตชายแดนไทย-พม่า ชาวเขาที่นี่ส่วนใหญ่ยังใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม บ้านที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเพิงยกพื้นคล้ายกระต๊อบทำด้วยไม้และเป็นหลังคามุงจาก ฝาผนังบ้านส่วนใหญ่ทำด้วยไม้ไผ่ พวกเขาเลี้ยงสัตว์พื้นบ้านเช่น หมู ไก่ และหมา ซึ่งส่วนใหญ่จะเลี้ยงแบบปล่อยให้หากินเองในหมู่บ้าน หมูที่พวกเขาเลี้ยงจะเป็นหมูดำซึ่งหมูดำนี้จะต้องมีในหมู่บ้านแบบขาดไม่ได้ ส่วนที่เห็นในรูปข้างล่างเป็นรูปลูกหมูดำตัวเล็กๆที่กำลังน่ารักน่าชังเชียว
ที่แปลกใจคือไปเจอควายที่นี่ แปลกใจเพราะที่นี่ไม่ได้ทำนาปลูกข้าวจึงไม่มีความจำเป็นต้องมีควายไถนา เข้าใจว่าชาวเขาบางคนซื้อควายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาเลี้ยงเพื่อให้พวกมันออกลูกออกหลาน พอลูกควายโตแล้วก็เอาไปขายเอากำไร
ชาวเขาที่นี่จะทำไร่สตรอเบอรี่กันเป็นส่วนใหญ่เพราะสตรอเบอรี่เป็นผลไม้ยอดฮิตของคนที่ขึ้นมาเที่ยวบนดอยอ่างขาง สตรอเบอรี่จึงทำรายได้ให้กับพวกเขาเป็นกอบเป็นกำ ถ้าไปที่บ้านขอบด้ง พอเข้าเขตหมู่บ้านก็จะเห็นไร่สตรอเบอรี่เป็นพื้นที่ใหญ่เต็มหุบเขา ช่วงที่ไม่ใช่หน้าสตรอเบอรี่พวกเขาก็จะปลูกพืชผักสวนครัวแทน
การที่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆพวกเขาเลยได้เห็นว่าพวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร
ชาวเขาเผ่ามูเซอดำส่วนใหญ่ยังคงใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม แต่เทคโนโลยี่และความทันสมัยที่เกิดขึ้นในโลกก็เริ่มทำให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป เดี๋ยวนี้ชาวเขามีโทรศัพท์มือถือใช้ หลายบ้านมีจานดาวเทียมดูโทรทัศน์ หลายคนมีมอเตอร์ไซด์ใช้ บางคนมีรถกระบะไว้บรรทุกของ บางคนเริ่มมีบ้านตึกอยู่แทนบ้านไม้กระต๊อบแล้ว หรืออย่างน้อยหลังคาก็เปลี่ยนเป็นหลังคากระเบื้องแล้ว
เคยอ่านเจอว่าชาวเขาเผ่ามูเซอดำมีความเชื่อและนับถือผี พวกเขามีความเชื่อว่าเมื่อใดก็ตามที่คนในหมู่บ้านเกิดล้มป่วยลง นั่นเป็นเพราะผีบ้านหรือผีเรือนของพวกเขาโกรธหรือไม่พอใจ การที่จะทำให้ผีบ้านหรือผีเรือนหายโกรธหายไม่พอใจ พวกเขาจะต้องล้มหมูหลายตัวเพื่อนำไปบูชาผีบ้านผีเรือน พวกเขามีความเชื่อว่าทำเช่นนี้แล้วคนที่ล้มป่วยก็จะหายเป็นปกติ
มันเป็นความเชื่อที่มีมานาน สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่ก็เคยคิดว่าความเชื่อเรื่องผีของพวกเขาคงจะหายไปกับความทันสมัยต่างๆที่ได้เข้ามาในชีวิตของพวกเขา เพราะเทคโนโลยี่การสื่อสารเดี๋ยวนี้ทำให้พวกเขาเข้าถึงข้อมูลและข่าวสารเหมือนคนในเมืองได้อย่างฉับไวและรวดเร็ว จนกระทั่งวันหนึ่งผมเดินเข้าไปในหมู่บ้าน แล้วไปเจอภาพที่ทำให้ผมรู้ว่าความเชื่อเรื่องผีของชาวเขาเผ่ามูเซอดำยังคงมีอยู่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
ช่วงประมาณบ่ายสี่โมงของวันนั้นผมเดินเข้าไปในหมู่บ้านแล้วเห็นคนในหมู่บ้านเยอะมากผิดปรกติ เห็นคนหลายคนกันช่วยเอาท่อนไม้มาจุดฟืนก่อไฟจนควันโขมงเต็มไปทั่วหมู่บ้าน เห็นแล้วก็แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็เลยเดินไปตรงที่มีคนกลุ่มใหญ่กำลังมุงทำะไรกันอยู่ สิ่งที่ได้ไปเห็นได้ไปเจอมันเป็นภาพที่ไม่ค่อยน่าดูเท่าไร เห็นชาวเขากำลังช่วยกันจับหมูดำสี่ห้าตัวมัดแข้งมัดขาและมัดปาก แล้วช่วยกันหิ้วหมูไปเชือด ผมไม่กล้าเดินตามไปดูหรอก เพราะตอนที่เดินไปเจอเหตุการณ์ตอนนั้นยังรู้สึกงงและตื่นเต้นว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขากำลังจะทำอะไรกับหมูพวกนี้ (มาทราบทีหลังว่าเป็นเพราะมีคนในหมู่บ้านเกิดล้มป่วย ก็เลยมีการล้มหมูเพื่อบูชาผีบ้านผีเรือน)
ลังเลอยู่นานว่าควรจะเดินหนีออกไปนอกหมู่บ้านหรืออยู่ดูต่อเพราะจู่ๆก็มาเจอแบบนี้ ใจหนึ่งก็บอกให้เดินออกไปจากที่นี่เถอะเพราะไม่อยากทนเห็นพวกหมูถูกเชือดถูกฆ่าอย่างทรมาน ใจหนึ่งก็บอกว่าสิ่งที่เห็นอยู่นี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้หาดูได้ง่ายๆควรจะอยู่ถ่ายรูปต่อเพราะมันเป็นวิถีชีวิตของพวกเขา
ถ้าเป็นคุณหล่ะ ถ้าไปเจอแบบที่ผมเจอ คุณจะทำอย่างไร
หลายคนคงจะบอกว่าถ้าเป็นตัวเองคงจะเดินหนีไปให้ไกลจากที่นั้นเพราะไม่ต้องการเห็นความทารุณที่ป่าเถื่อน ซึ่งนั่นน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกสำหรับหลายๆคน
ส่วนผมตอนนั้นลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วก็ตัดสินใจอยู่ดูต่อ ใจหนึ่งก็สงสารหมู จริงๆก็ไม่อยากเห็นภาพที่ไม่น่าดู เห็นแล้วมันหลอนติดตาจริงๆ ช่วยอะไรพวกหมูก็ไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็ยังอยากอยู่ดูต่อเพราะรู้ว่านี่มันเป็นวิถีชีวิตของชาวเขาที่ทำกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายของพวกเขาซึ่งเราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรมันได้
แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองผิดยังไงไม่รู้ที่ตัดสินใจอยู่ดูต่อ เพราะนอกจากจะอยู่ดูต่อแล้วยังเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆด้วย แม้กระทั่งวันนี้ยังรู้สึกผิดอยู่เลย รูปที่ถ่ายมาก็ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าควรเอามาให้คนดูหรือไม่ ที่ต้องคิดแล้วคิดอีกเพราะรูปที่ถ่ายนั้นค่อนข้างจะดูน่ากลัวสำหรับคนบางคนและส่วนใหญ่คงจะไม่ค่อยอยากดูรูปแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจแบบเข้าข้างตัวเองว่ามันเป็นเรื่องวิถีชีวิตของชาวเขาที่อาจจะมีคนบางคนอยากได้รู้ได้เห็นเพราะไม่เคยได้ไปเห็นด้วยตาตนเอง
รูปที่เอามาให้ดูผมได้ทำเป็นรูปขาวดำ เพราะถ้าเอารูปสีมาให้ดูรูปบางรูปอาจจะดูน่ากลัวเกินไปสำหรับคนบางคน
ผมคงเขียนบทความไว้สั้นๆเท่านี้ ที่เหลือจะเป็นรูปที่ถ่ายไว้พร้อมคำบรรยายประกอบรูปบางรูปเท่านั้น
สงสารหมูเขานะ ไม่อยากเห็นพวกเขาถูกฆ่า แต่พวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของชาวเขาไปแล้ว คล้ายกับวิถีชีวิตของชาวจีนที่ทุกวันตรุษจีนและวันสาร์ทจีนจะต้องมีการฆ่าหมูเป็ดไก่เซ่นไหว้เจ้าและบรรพบุรุษ
เนื่องจากการฆ่าหมูเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่ามูเซอดำ จึงเป็นเรื่องปรกติที่จะเห็นเด็กๆอยู่ในบริเวณที่ทำการฆ่าหมูในหมู่บ้าน
ภาพหลายๆภาพไม่รู้จะบรรยายอย่างไรดี ถ้าใครยังมีใจที่กล้าพอที่จะดูรูปที่เหลือก็ขอให้ดูรูปกันเองนะครับ
สมุนไพรถูกยัดใส่่ท้องหมูให้เต็มก่อนนำเอาหมูไปย่างบนกองไฟ
ในรูปข้างบน เด็กผู้หญิงอยากดูการย่างหมูเลยปีนขึ้นไปดูบนหลังคา
ชายคนนี้พาลูกชายมาดูการย่างหมูบนกองไฟอย่างใกล้ชิด
ผู้เฒ่านั่งมองการเชือดหมูและการย่างหมูอย่างอารมณ์ดี
ชายคนนี้ดูมีความสุขมาก ย่างหมูไป ยิ้มและหัวเราะไป
สงสารหมูจัง จะไม่กินหมูอีกแล้ว